HoonSmart.com>>หุ้นต่างประเทศแดงเกือก เงินดอลลาร์แข็งค่า บอนด์ยีลด์สหรัฐเพิ่มต่อ ตลาดภูมิภาคนำโดยเกาหลีดิ่ง 3% ไทยติดลบ 0.64% ต่างชาติทิ้ง 1,919 ล้านบาท ขายบอนด์ด้วย 3,000 บาท ด้านโนมูระฯ ปรับมุมมองคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยเดือนพ.ย. 0.75% ธ.ค. 0.50% ขึ้นต่อ 0.25%ในปีหน้าอยู่ที่ 5.25-5.5% ก่อนลด ส่วนไทยตลาดกลัวเซอร์ไพรส์ขึ้นพรวดเดียว 0.5% นักวิเคราะห์เชียร์ซื้อหุ้นที่ได้ดีเงินบาทอ่อนค่า ราคาพลังงานลดลง
วันที่ 26 ก.ย.2565 ตลาดหุ้นสหรัฐนำดิ่ง เปิดตลาดเอเชียร่วงตาม สุดท้ายเกาหลีใต้ลงหนักสุด -3.02% ตามด้วยญี่ปุ่น -2.66% ส่วนไทยฝืนไม่ไหว ดัชนีปิดที่ 1,621.25 จุด ลดลง 10.46 จุด หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 71,260.06 ล้านบาท ฝีมือนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,918.96 ล้านบาท และขายตราสารหนี้ด้วย 3,0368 ล้านบาท เดือนก.ย.เงินไหลออกจากหุ้นไทย ( 1-26 )ประมาณ -19.137 ล้านบาท หลังจากเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องหลายเดือน
ด้านค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 37.80 บาท/ดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสทะลุ 38 บาทในเร็วๆนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่ามากรวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันค่าเงินยูโรอ่อนค่าที่สุดในรอบ 20 ปี ส่วนรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นจับตาการเก็งกำไรเงินเยนในตลาดต่างประเทศ และยืนยันว่าพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงตลาดอีกหากเห็นว่าจำเป็น
ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าหลายตลาด ส่วนหนึ่งเนื่องจากเศรษฐกิจยังคงเติบโต ล่าสุด รมว.พาณิชยแถลงการส่งออกในเดือน ส.ค. 65 ขยายตัว 7.5% จากตลาดคาดว่าจะขยายตัว 7.3-7.7% รวม 8 เดือนของปีนี้ ขยายตัว 11.0% ส่วนการนำเข้าในเดือน ส.ค. ขยายตัว 21.3% รวม 8 เดือนขยายตัว 21.4% ทำให้ดุลการค้าในเดือน ส.ค. ขาดดุล 4,215.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และขาดดุล 14,131.7 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 8 เดือนแรก เนื่องจากนำเข้าพลังงานราคาสูงจากเงินบาทอ่อนค่า
นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลเรื่องการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ อาจจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.50% จากเดิมฟันธงลดเพียง 0.25% เพื่อลดช่องว่างส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐ บรรเทาการอ่อนค่าของเงินบาทและเงินทุนไหลออก
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ตลาดในยุโรปรีบาวด์ขึ้นได้หลังร่วงไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตอบรับผลการเลือกตั้งในอิตาลี โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น และเงินดอลลาร์แข็งค่า จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย
สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และติดตามถ้อยแถลงประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ รวมถึงปลายสัปดาห์ติดตามตัวเลข PCE เดือนส.ค.ของสหรัฐ
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 27 ก.ย.2565 หลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงไป 2 วัน และเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,610 จุด น่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง โดยมีแนวรับ 1,615 จุด แนวต้าน 1,630 จุด
บล.โนมูระพัฒนสิน คาดว่าภาพตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ผสานภาวะการเงินยังผ่อนคลาย หนุนดอกเบี้ยระยะสั้นปรับขึ้นต่อ ส่งผลโนมูระปรับมุมมองคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย +75% ในเดือนพ.ย. และเพิ่มอีก 0.50%.ในเดือนธ.ค. ส่วนปีหน้าคาดเดือน ก.พ.23 คาดขึ้นต่อ 0.50% และ 0.25% เดือน มี.ค.ทำให้Terminal rate
อยู่ที่ 5.25-5.5% ก่อนลดดอกเบี้ยทุกรอบการประชุม โดยลด 0.25% ตั้งแต่เดือน ก.ย.65 เป็นต้นไป และจะเร่งลดดอกเบี้ยรอบละ 0.50% ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2-4 ปี 2567
ระยะสั้นพอร์ตลงทุนคงน้ำหนักหุ้นไทยระดับ 55%-60% แต่เงินบาทที่ยังอยู่ในโซนอ่อนค่า 37.7 บาทจำกัด เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ กลุ่มที่มองเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดระยะสั้น ได้แก่ กลุ่ม Anti-Commodity (SCGP,GPSC, TOA, EPG, GULF, SAPPE, BJC) ได้ประโยชน์ราคาพลังงานปรับฐานแรง กลุ่ม YieldSurge (TLI, BLA, SCB, KBANK) จากบอนด์ยีลด์ปรับขึ้นต่อเนื่อง
บล.ทรีนีตี้ มองตลาดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนยังคงเดินหน้า Price in การเข้มงวดนโยบายการเงินของเฟดล่าสุดระดับความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. ขึ้นมาอยู่ที่ 0.75% ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์ทะยานขึ้นต่อ เป็นปัจจัยกดดันต่อสินทรัพย์เเสี่ยง
“ในเชิงกลยุทธ์ หากในสัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นปรับตัวลง มาสู่กรอบแนวรับแรกประจําเดือนก.ย.ของเราที่ 1,600-1,610 จุดแนะนําใช้เป็นจุดในการทยอยเพิ่มน้ำหนัก โดยยังคงเน้นไปยังกลุ่ม Domestic และกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน ได้แก่กลุ่มแบงก์ (BBL, KBANK, SCB) กลุ่มสื่อ (BEC, ONEE, PLANB) กลุ่ม ไอซีที (ADVANC, DTAC, TRUE) และกลุ่มส่งออกอาหาร (ASIAN, TU, GFPT, TFG)