HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์เผยผลศึกษาโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นปี 65 พบนักลงทุน 4 กลุ่ม คือ 1.รายย่อย 2.สถาบัน 3.นิติบุคคล-บุคคลธรรมดาไทย 4. นักลงทุนต่างประเทศถือสัดส่วนใกล้เคียงกัน รวมแล้วฝ่ายไทยถือ 3 ใน 4 ของมาร์เก็ตแคป สอดคล้องกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการถือหุ้นต่างประเทศและ NVDR เพียง 1 ใน 4
“สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์” ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงาน เรื่อง “เปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทย ปี 2565” จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย (SET-mai) ณ สิ้นเดือนก.ค.2565 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 783 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) กว่า 19.04 ล้านล้านบาท หรือ 99.40% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า นักลงทุน 4 ประเภท (นักลงทุนรายย่อย-สถาบันไทย-นิติบุคคลในประเทศ,บุคคลธรรมดา-นักลงทุนต่างประเทศ) มีมูลค่าการถือครองใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ 1 ใน 4 ของมาร์เก็ตแคปตลาด
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์เป็นตัวกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ มีการถือครองหุ้นน้อย เฉพาะพอร์ตบล.เท่านั้น ขณะที่ “นักลงทุนภายในประเทศ” แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักลงทุนรายย่อย และกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลอื่นๆ
“นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดที่ 29.66% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ตามด้วยนักลงทุนต่างประเทศที่ 26.84% นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ 23.54% และนิติบุคคลอื่นๆ ที่ 19.69%”
เมื่อพิจารณาตามสัญชาติของนักลงทุน พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นประมาณ 3 ใน 4 หรือประมาณ 73.16% เป็นการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนไทย และที่เหลือประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งตลาด หรือประมาณ 26.84% ถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างประเทศ โดยสอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้น (shareholders’ benefits)
ส่วนประเภทหลักทรัพย์ตามสิทธิประโยชน์ (local shares / foreign shares / NVDR) กล่าวคือ 3 ใน 4 ของทั้งตลาด หรือ 73.03% เป็น local shares สอดคล้องกับสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนไทย และที่เหลือประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งตลาดหรือ 21.37% เป็น foreign shares และ NVDR ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ หมายถึง นักลงทุนถือครองหุ้นตรงกับสิทธิ ทำให้ นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ทั้งสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (voting rights) และสิทธิประโยชน์ทางการเงิน (financial benefits)
สรุปจากการศึกษาโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทย ปี 2565 พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนแต่ละประเภทในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และนักลงทุนยังให้ความสำคัญกับการรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง โดยเลือกถือครองหุ้นตรงตามสิทธิ ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นครบถ้วน