HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 7.45 จุด แกว่งไซด์เวย์ลักษณะซึม คล้ายตลาดภูมิภาค หลังคลายกังวลเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย-วิกฤตพลังงานในยุโรปส่งราคาถ่านหินพุ่งทำนิวไฮ-โอเปกพลัสลดกำลังการผลิตส่งราคาน้ำมันรีบาวด์ เล็งกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น-ถ่านหินพยุงตลาด ด้านเศรษฐกิจจีนยังชะลอหลังล็อกดาวน์หลายเมือง อีกทั้งบาทแข็งค่าเล็กน้อยอาจทำให้ต่างชาติชะลอขาย แนวรับ 1,614-1,610 แนวต้าน 1,626-1,630 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 6 ก.ย.2565 เมื่อเวลา 9.58 น. อยู่ที่ระดับ 1,629.45 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด หรือ +0.46% มูลค่าซื้อขาย 1,962.15 ล้านบาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในลักษณะซึม ๆ ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่บวกได้เล็กน้อย หลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวก 200 จุด จากตลาดสหรัฐปิดทำการวานนี้ ซึ่งรับผลจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาใกล้เคียงคาด แต่อัตราการว่างงานสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ จากที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวบ้าง
ด้านยุโรปที่เผชิญกับวิกฤตด้านพลังงานหลังรัสเซียไม่ส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยุโรป ส่งผลให้ราคาถ่านหินพุ่งขึ้นทำนิวไฮมาที่ 460 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือ +5.75% ทำให้คาดว่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มถ่านหิน ส่วนจีนมีการล็อกดาวน์หลายเมืองทำให้วิตกเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวอยู่ นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสได้มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 แสนบาร์เรลจากเดิมที่เพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ราคาน้ำมันรีบาวด์กลับ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับมาที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่น และถ่านหิน มาช่วยพยุงตลาดในวันนี้ได้
ล่าสุดเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อย มาที่ 36.37 บาท/เหรียญสหรัฐ ทำให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอได้วันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,614-1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,626-1,630 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
GULF อยู่ที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +3.92% มูลค่าซื้อขาย 461.63 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 14.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.40% มูลค่าซื้อขาย 136.10 ล้านบาท
KTB อยู่ที่ 17.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.19% มูลค่าซื้อขาย 111.18 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 167.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 80.29 ล้านบาท
SCB อยู่ที่ 112.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.45% มูลค่าซื้อขาย 59.59 ล้านบาท