HoonSmart.com>>”ประเสริฐ”เผยดีลซื้อขายหุ้นทาคูนิฯยังไม่จบ ยังถืออยู่ 15% เล็งขายเกลี้ยง หลังขายไปแล้ว 36% คนซื้อเป็นใครยังไม่รู้ ทำดีลผ่านคนกลาง ทุ่มซื้อกว่า 1 พันล้านบาท ต้องเห็นศักยภาพ แย้มแนวคิดผู้ถือหุ้นใหม่เล็งนำหุ้น CAZ ที่ TAKUNI ถืออยู่ไปหาเงินมาขยายธุรกิจ “โสรัตน์ ” ขาใหญ่ซื้อบิ๊กล็อต”ชูไก” จากกลุ่มแพรรังสี รวม 17% ส่วน KCC ปิดไฮ 8.85 บาท ต้อนรับ เซียนฮง, เสี่ยปู่, เสี่ยป๋อง และเจ้าของ COM7 เข้ามาถือหุ้น
นายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) เปิดเผยว่า กลุ่ม “ตรีวีรานุวัฒน์”ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TAKUNI ได้ขายหุ้นออกไปแล้วจำนวน 36% ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท แต่ยังคงเหลืออีก 15% ซึ่งได้ขายให้กับนักลงทุนรายบุคคล ผ่านคนกลาง โดยคาดว่าจะขายหุ้นออกทั้งหมด ตอนนี้การซื้อขายยังไม่แล้วเสร็จ คาดกลางเดือนก.ย.จะทำการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นก็จะรู้ว่าใครเข้ามาซื้อหุ้นทาคูนิฯ
“ครั้งที่แล้วขายหุ้นไป ผมได้เงินมา 400 กว่าล้านบาท ลูกได้มา 300 กว่าล้านบาท ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท ขณะนี้ยังเหลือหุ้นอยู่ราว 15% เงินมาเมื่อไรก็โอนหุ้นให้ทันที ตอนนี้การซื้อขายยังไม่จบ คนซื้อทุ่มเงินกว่า 1 พันล้านบาท คงต้องเห็นผลของการลงทุนที่ดี ซึ่งธุรกิจของ TAKUNI มีเยอะ ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, การลงทุนใน CAZ (บริษัท ซี เอ แซด -ประเทศไทย) และยังมีมอเตอร์ไซต์อีก คนซื้อมีวิธีคิดที่ดีในการขยายธุรกิจต่อไปหลังจากลงทุนแล้ว อย่าง CAZ ที่มี Backlog 4 พันกว่าล้านบาท เขามีแนวคิดจะเอาหุ้นที่ TAKUNI ถืออยู่ใน CAZ ไปตึ้งแล้วเอาเงินไปเพิ่มศักยภาพใน CAZ ทำให้ไปต่อได้ ซึ่งกำไรของ CAZ ครึ่งปีแรกก็มีกว่า 110 ล้านบาทแล้ว”นายประเสริฐกล่าว
สำหรับ TAKUNI คงจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป ซึ่งคนที่เข้ามาจะต้องทำการเรียนรู้ในธุรกิจของ TAKUNI ก่อน ดังนั้นผู้บริหารคงจะยังทำหน้าที่ต่อไป พร้อมกับการสอนงานให้คนใหม่ ในช่วง 1-2 ปีนี้ ตน และน.ส. นิตา ตรีวีรานุวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร TAKUNI จะยังทำงานกันอยู่
ด้านนายโสรัตน์ วณิชวรากิจ นักลงทุนรายใหญ่ รายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) ว่า วันที่ 25 ส.ค. 2565 ได้มาหุ้นบริษัท ชูไก จำกัด (CRANE) จำนวน 7.72% ของทุนจดทะเบียน ส่งผลให้มีหุ้นจำนวน 8.446%
ต่อมาวันที่ 29 ส.ค. ได้หุ้น CRANE อีกจำนวน 9.425% ส่งผลให้มีหุ้นทั้งสิ้น 17.8715% โดยรายงานว่าราคาสูงสุดได้มา 1 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้การซื้อหุ้นของนายโสรัตน์ เป็นการซื้อจากกลุ่มแพรรังสี ประกอบด้วย นางสาวจิราลักษณ์ แพรรังสี, นายวันชนะ แพรรังสี, นางสาววนิดา ดาราฉาย และนางสาวเจนจิรา แพรรังสี ส่งผลให้นายโสรัตน์ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 2
สำหรับนายโสรัตน์ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ และบริหารกิจการส่วนตัว “แพนเอเซีย อุตสาหกรรม” ผลิตแผ่นพลาสติกอะคริลิครายใหญ่ของไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ก่อนหน้าเขาลงทุนในหุ้น RS จำนวนมาก ก่อนขายบิ๊กล็อตออกไปให้กับบริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY)
ส่วนหุ้น บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) ปรับตัวขึ้นร้อนแรงเป็นวันที่สอง ปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 8.85 บาท บวก 1.15 บาทหรือ 14.94% มูลค่าการซื้อขายมากถึง 1,108 ล้านบาท หลังปรากฎชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 25 ส.ค.2565 พบว่า มีบรรดาเซียนหุ้น และคนดังหลายรายได้เข้ามาถือหุ้น KCC อันดับต้นๆ
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์รายงานโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KCC ปรากฏว่า นายสถาพร งามเรืองพงศ์ (เซียนฮง) ถือหุ้น 19,284,900 หุ้น (3.11%), นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล (เสี่ยปู่) ถือหุ้น 10,842,900 หุ้น (1.75%), นายสุระ คณิตทวีกุล (เจ้าของ COM7 มหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 49) ถือหุ้น 7,000,000 หุ้น (1.13%) และนายวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) ถือหุ้น 4,000,000 หุ้น (0.65%)
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของ KCC ก็เติบโตขึ้นมาก งวดไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258.72% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.92 ล้านบาท