HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล เคมิคอล”จัดงาน GC Circular Living Symposium 2022 เป็นปีที่ 3 ระดม 40 ผู้นำทางคิดชั้นนำระดับประเทศระดับนานาชาติ มีตัวอย่างให้เห็น ยันเดินหน้าจัดงานต่อเนื่อง ดึงธุรกิจเล็ก-กลางเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อโลกและเพื่อคนรุ่นหลัง บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาส โดยคำนึงถึง Net Zero มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของผลดำเนินงาน
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เดินหน้าจัดงาน GC Circular Living Symposium 2022 เป็นปีที่ 3 ภายใต้ธีม “Together to Net Zero” หรือ การประชุมระดับนานาชาติ รวมพลังขับเคลื่อนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) มีการระดมพล 40 ผู้นำทางความคิดชั้นนำระดับประเทศและระดับนานาชาติ ภาครัฐ เอกชน คนรุ่นใหม่ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และสตาร์ทอัพ มาร่วม แชร์ไอเดีย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และต่อยอดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบ GC Circular Living สู่เป้าหมาย Net Zero อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ธนาคารโลก และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจัดงานแบบ hybrid ให้ประชาชนผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ในวันที่ 25 – 26 ส.ค.2565 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) กล่าวว่า การจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อจุดประกายความคิด ทำให้เห็นตัวอย่าง ซึ่งก่อให้เกิดอาชีพขึ้นได้ โดยจะจัดงานอย่างต่อเนื่อง สร้างการมีส่วนร่วมมากขึ้น มีการสร้างแพลตฟอร์มและคำนึงถึง Net Zero เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทพร้อมจะดำเนินการ สนับสนุนเป้าหมายที่จะให้ Net Zero ภายในปี 2050
” Net Zero คือเป้าหมายสำคัญของบริษัทในการทำธุรกิจ ซึ่งจะต้องทำได้จริง ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดพลังร่วม เกิดความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยโลกของเรา ช่วยกันลดภาวะก๊าซเรือนกระจก PTTGC มีบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัท มีซัพพลายเซน เราจะเป็นผู้นำทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางเข้ามาร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 และให้ได้ 30%ในปี 2030 ซึ่งไม่ใช่แค่เป้าหมายของ PTTGC แต่เพื่อคนรุ่นหลังเพราะหากไม่ทำก็จะอยู่กันไม่ได้ “นายคงกระพันกล่าว
ส่วนแผนงานในอนาคต บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง บริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุน หากมีธุรกิจดีๆ เข้ามาก็พร้อมลงทุน หรือการออกไปซื้อกิจการต่างประเทศ เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานแข็งแรง บริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจ ที่คำนึงถึง Net Zero เพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทที่จะให้ Net Zero ภายในปี 2050
แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี2565 ยอดสั่งซื้อชะลอลงบ้างเป็นไปทั่วโลก แต่ไม่ได้เป็นปัญหา บริษัทยังต้องติดตามมาร์จิ้น ที่มีปัจจัยเสี่ยงจากตลาดโลก เช่น ความกังวลการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาพลังงานที่ผันผวนจากความขัดแย้งทางรัฐภูมิศาสตร์ ประเทศจีนที่ยังไม่กลับมาเปิดประเทศ ซึ่งราคาพลังงานที่มีผลต่อราคาผลิตภัณฑ์ และจะมีผลต่ออัตรากำไรของธุรกิจ แต่ในส่วนของปริมาณการขายและรายได้ บริษัทไม่ได้กังวล โดยราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี สายธุรกิจโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ยังทรงตัว
ปัจจุบันบริษัทมีอีบิทดา จากพอร์ตต่างประเทศที่มีสัดส่วนกว่า 30% โดยเฉพาะการลงทุนใน allnex Holding จากที่บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของ EBITDA ของ allnex ที่ปีละ 300-400 ล้านยูโร แต่คาดว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้า จะเติบโตเพิ่มขึ้น 40-50% เนื่องจากบริษัทจะขยายฐานธุรกิจเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงที่มีความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกผลิตใหม่ๆในปลายนี้ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนเต็มปีในปี 2566