HoonSmart.com>>”แอสเสท เวิรด์ คอร์ป” โชว์กำไรสุทธิทะยานขึ้นกว่า 1 เท่าตัวทั้งไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก ธุรกิจโรงแรมโตทุกเซ็กเมนต์ ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนเพิ่มเกือบใกล้ก่อนช่วงเกิดโควิด มีห้องพักรวม 5,201 ห้องโตถึง 61% ธุรกิจอาคารสำนักงานแกร่ง ขึ้นค่าเช่าได้ รักษาลูกค้าเดิมถึง 96% มุ่งดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์พัฒนาอย่างยั่งยืน
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ( AWC) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 มีการเติบโตขึ้นในทุกธุรกิจอย่างเด่นชัด มีรายได้รวม 3,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.4% กำไรสุทธิ 776 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ และการเตรียมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
การเติบโตของบริษัท มาจากกลยุทธ์และการเตรียมพร้อมขององค์กรรับการเปิดประเทศ ประกอบกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยและมาตรการผ่อนคลายจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ นอกจากนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลมาจากการเพิ่มมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินด้วยเช่นกัน รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ AWC ” นางวัลลภา กล่าว
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะโรงแรมกลุ่มลักซ์ชูรี ส่งผลให้รายได้ห้องพักต่อห้องที่มีทั้งหมด (RevPAR) ในไตรมาส 2/2565 เติบโต 302% และมีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (Average Daily Rate: ADR) ที่เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนที่เพิ่มขึ้นมาเกือบใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนั้น การเติบโตของงานประชุมสัมมนาแบบก้าวกระโดด ทำให้โรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนาของบริษัทฯ มีรายได้เติบโตถึง 407% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเช่นกัน
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเเละธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) สามารถกลับมาเติบโตได้ดีเช่นเดียวกัน อาทิ การเพิ่มขึ้นของลูกค้าเข้าพื้นที่ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เพิ่มขึ้นถึงกว่า 220% ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงด้วยการดึงดูดผู้เช่าใหม่ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจระดับโลกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราค่าเช่าต่อตารางเมตรต่อเดือน สูงขึ้น 9.3% และยังสามารถรักษาผู้เช่ารายเดิมได้ถึง 96% ซึ่งเป็นผลมาจากอาคารคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ (CBD) และมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัลอยู่เสมอ
AWC ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและช่วยเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลังมาตรการเปิดประเทศ ด้วยการเปิดโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมจากเครือมีเลียแห่งแรกในภาคเหนือเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้จำนวนห้องพักทั้งหมดของบริษัท ในปัจจุบันรวมเป็น 5,201 ห้อง คิดเป็นการเติบโตถึง 61% จากจำนวนห้องพักก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อาทิ การลงนามสัญญากับเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เพื่อพัฒนาโรงแรม คิมป์ตัน หัวหิน รีสอร์ท การลงนามกับพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าส่งของ เออีซี เทรดเซ็นเตอร์ รวมถึงการร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับหน่วยงานด้านการลงทุนระดับโลก เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในประเทศไทย
“AWC ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในไตรมาสที่ผ่านมาเราได้รับความเชื่อมั่นจากธนาคารไทยพาณิชย์ จัดสินเชื่อพร้อมสัญญาอนุพันธ์เชื่อมโยงกับความยั่งยืน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย อีกทั้งยังได้รับสินเชื่อสีเขียว จากธนาคารกสิกรไทย เพื่อนำไปพัฒนาและสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในอสังหาริมทรัพย์ของ AWC ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญขององค์กรในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต่อไป” นางวัลลภา กล่าวเสริม
ด้านราคาหุ้น AWC ปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาทหรือ +1.92% สำหรับการซื้อขายภาคเช้าวันที่ 11 ส.ค.2565