“ริชี่เพลซ 2002” แย้มไตรมาส 4/61 RICHY เตรียมเปิดโครงการใหม่ “เดอะ ริช เอกมัย” ใกล้สถานี BTS เอกมัย เจาะตลาดบน ซื้อเพื่อการลงทุน ปล่อยเช่าลูกค้าชาวต่างชาติ ด้านบล.ดีบีเอส แนะนำ “ซื้อ” RICHY ราคาพื้นฐาน 2.34 บาท คาดกำไรครึ่งปีหลังโตแรงหนุนทั้งปีนิวไฮ
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 หรือ RICHY กล่าวว่า ในไตรมาส 4/61 เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง (High Rise) เดอะ ริช เอกมัย บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยสูง 46 ชั้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ และขอใบอนุญาต EIA คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง Sale gallery ได้ในปี 2561 และแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2562
ทั้งนี้ “เดอะ ริช เอกมัย” ถือเป็นโครงการที่ 18 ของ RICHY ที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 โดยโครงการนี้จะอยู่บริเวณย่านทองหล่อ-เอกมัย มีจุดเด่นที่ทำเลทอง ติด บิ๊กซี เอกมัย ซึ่งปัจจุบันเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณซอยทองหล่อ-เอกมัย ที่มีทั้งชาวไทย, ชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเดินทางเชื่อมเข้าซอยทองหล่อ 10 ได้ง่าย
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) (RICHY) กล่าวอีกว่า โครงการคอนโด เดอะริช เอกมัย เน้นจับกลุ่มลูกค้าในตลาดบน ทั้งในส่วนของลูกค้าที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งพบว่าลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่ เน้นซื้อเพื่อการลงทุน และปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านดังกล่าว จะมีผู้อาศัยเป็นชาวญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาทำงานในเมืองไทย เช่าเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการเปิดตัวโครงการใหม่จะช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) (RICHY) ราคาพื้นฐาน 2.34 บาท คาดกำไรไตรมาส 3-4 ปี 2561 โตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เป็น 206 ล้านบาท (+994% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +442% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา) เพราะเริ่มโอนคอนโดริชพาร์ค@ทริปเปิลสเตชั่นได้เต็มที่ ซึ่งมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่สูงเป็น 2.3 พันล้านบาท แต่เริ่มโอนได้ มิ.ย.61 ซึ่งเป็นช่วงท้ายของไตรมาส ดังนั้นในงวดครึ่งปีหลังจึงคาดว่าจะโอนได้มากตามการโอนได้เต็มไตรมาส อีกทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นโครงการนี้สูงเป็นพิเศษ นั่นคือ ไตรมาส 2/61 ที่เริ่มโอนเป็น 34.1% เทียบกับไตรมาส 1/61 ที่ 29.3% ซึ่งเป็นการโอนโครงการอื่นๆ เช่น ริชพาร์ค @ เจ้าพระยา และ เดอะริช @สาทร-ตากสิน
นอกจากนี้ ยังปรับประมาณการปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 35% เป็น 473 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯมา และคิดเป็นการเติบโตถึง 3.6 เท่า (+256%) เทียบกับปี 2560 ที่มีฐานกำไรเพียง 133 ล้านบาท สมมุติฐานที่ดีขึ้นคือ ปรับรายได้จากการขายเพิ่มเป็น 3.0 พันล้านบาท หรือมากขึ้นในอัตรา 20% อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้ก็ปรับน้อยลงเป็น 12.3% จากเดิมที่ 14.0%
อีกทั้งบริษัทฯยังได้รับเงินสดขยายงานเพิ่มได้ จาก 2 แหล่งคือ 1) หลังชนะคดี วอร่า สุขุมวิท 49 ได้รับเงินมัดจำคืน 145 ล้านบาท พร้อมกับดอกเบี้ยอีก 7.5% นับตั้งแต่ปี 58 ที่ยืดเยื้อมา และ 2) มี RICHY-W1 ทยอยแปลงเข้ามา เพราะราคาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบันเป็น 1.68 บาท ที่สัดส่วน 1 วอร์แรนท์ต่อ 1.07143 หุ้น เรามีสมมุติฐานว่าให้แปลงเข้ามาทั้งหมดอีก 157 ล้านหน่วย ได้รับเงินเพิ่มอีกถึง 283 ล้านบาท แม้จะเกิดภาวะ Dilution Effect บ้างก็ตาม