ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 650 จุด รับผลดำเนินงานซิตี้ กรุ๊ป-ยอดค้าปลีก

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า 650 จุด นักลงทุนขานรับผลการดำเนินงานของธนาคารซิตี้ กรุ๊ปสูงกว่าคาด ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสดใส ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ขยายตัวดีกว่าคาด คลายวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1% เพื่อคุมเงินเฟ้อ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 31,288.26 จุด พุ่งขึ้น 658.09 จุด หรือ 2.15% นักลงทุนขานรับผลการดำเนินงานของธนาคารที่รายงานเข้ามาใหม่ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่ความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% เพื่อคุมเงินเฟ้อนั้นได้ลดลง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,863.16 จุด พุ่งขึ้น 72.78 จุด, +1.92%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,452.42 จุด พุ่งขึ้น 201.24 จุด, +1.79%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.2% ดัชนี S&P500 ลดลง 0.9% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.6%

การรายงานผลประกอบการไตรมาสสองที่สูงกว่าคาดของซิตี้ กรุ๊ปส่งผลให้กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากที่ผิดหวังกับผลการดำเนินงานของเจพีมอร์แกน เชสและมอร์แกนสแตนเล่ย์ในวันก่อน โดยซิตี้กรุ๊ปมีรายได้เพิ่มขึ้น 11% มีจำนวนรวม 19.64 พันล้านดอลลาร์ เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหุ้นซิตี้ กรุ๊ปปิดบวก 13% หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาบวก 7% หุ้นเวลลส์ ฟาร์โกปิดเพิ่มขึ้น 6% แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสสองลดลง 48% และมีการตั้งสำรองหนี้เสียงเพิ่ม

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีกว่าคาดโดยกระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดค้าปลีกขยายตัว 1.0% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.8% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 9.1% เป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อ ท่ามกลางเงินเฟ้อสูงและความวิตกว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว

ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 สูงกว่า 50.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดทำให้นักลงทุนคลายกังวลจากที่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในการประชุมครั้งต่อไป

ไมค์ โลว์เวนการ์ต กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์การลงทุนที่ Morgan Stanley’s E-Trade Capital Management ชี้ว่า ตลาดดูเหมือนจะขานรับข้อมูลเศรษฐกิจ แม้ยอดค้าปลีกจะยิ่งทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยไปต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ยังไม่หักเงินเฟ้อออก

เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ตลาดค่อนข้างเชื่อว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในการประชุมปลายเดือนนี้ ทำให้กลับเข้ามาซื้อ

ขณะเดียวกันราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้าให้ความเห็นว่า เขาไม่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เพราะจะมีผลต่อหลายด้านที่กำลังดำเนินไปด้วยดี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 4% และกลุ่มค้าปลีก นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ขณะที่เกาะติดวิกฤติสถานการณ์การเมืองในอิตาลีและแนวโน้มการเกิดาวะเศรษฐกิจถดถอย

ความเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดสองรายซึ่งจัดว่าเป็นสายเหยี่ยวที่แข็งมากที่บ่งชี้ว่าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.75% ไม่ใช่ 1% ตามที่วิตก ช่วยหนุนตลาด

อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหภาพยุโรปจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า แม้นักวิเคราะห์จะเริ่มประเมินว่ามีโอกาสบ้างเล็กน้อยที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% จากแนวโน้มเงินยูโรเทียบเงินดอลลาร์ที่ย่ำแย่

ธนาคารกลางแคนาดาขึ้นดอกเบี้ย 1% โดยที่ตลาดคาดไม่ถึง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 413.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.28 จุด, +1.79%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,159.01 จุด เพิ่มขึ้น 119.20 จุด, +1.69%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,036.00 จุด เพิ่มขึ้น 120.59 จุด, +2.04%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,864.72 จุด เพิ่มขึ้น 345.06 จุด, +2.76%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 97.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 101.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล