ดาวโจนส์ปิดลบ 142 จุด ผิดหวังผลการดำเนินงานกลุ่มแบงก์

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 142 จุด นักลงทุนผิดหวังผลดำเนินงานกลุ่มธนาคารทยอยแจ้งงบ ผสมความกังวลเฟดจะเร่งดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 52 เซนต์ ปิด 95.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 30,630.17 จุด ลดลง 142.62 จุด หรือ 0.46% หลังจากผิดหวังกับผลการดำเนินงานของธนาคารที่เริ่มทะยอยรายงาน รวมทั้งยังมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นขณะที่ยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,790.38 จุด ลดลง 11.40 จุด, -0.30

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,251.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.60 จุด, +0.03%

อย่างไรก็ตามตลาดพ้นจากจุดต่ำสุดของวันที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปถึง 628 จุด และดัชนี Nasdaq กับดัชนี S&P 500 ต่างลดลงกว่า 2%

นักลงทุนวิเคราะห์การรายงานผลการดำเนินงานและการให้ความเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากธนาคารใหญ่ ในขณะที่เริ่มหายช้อคจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงกว่าคาดซึ่งเพิ่มความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ในปลายเดือนนี้

ผลประกอบการของธนาคารที่รายงานเมื่อวานเป็นตัวบ่งชี้สัญญานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่าเศรษฐกิจอาจะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียด และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง ในระยะต่อไป

หุ้นเจพีมอร์แกน เชสลดลง 3.5% หลังรายงานกำไรไตรมาสสองต่ำกว่าคาดอย่างมากถึง 28% และตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์และระงับการซื้อหุ้นคืน

ไดมอนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว ตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังแข็งแกร่ง แต่ความตึงเครียดของสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ เงินเฟ้อสูง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง ความไม่แน่นอนว่าดอกเบี้ยจะขึ้นไปสูงแค่ไหน รวมทั้งนโยบายการเงินแบบตึงตัวชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และผลกระทบต่อสภาพคล่องของโลก ผสมกับสงครามในยูเครนที่มีผลต่อราคาพลังงานและอาหารจะมีผลทางลบต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป

มอร์แกน สแตนเล่ย์ลดลง 0.3% จากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดเพราะรายได้จากธุรกิจIB ลดลง

ผลประกอบการของสองธนาคารใหญ่มีผลให้หุ้นในกลุ่มแบงก์ลดลงโดยหุ้นซิตี้ กรุ๊ป หุ้นเวลลส์ ฟาร์โกลดลง 3% และ 0.9% ตามลำดับก่อนรายงานผลการดำเนินงานในวันศุกร์

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากจากความกังวลว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้ หลังจากเงินเฟ้อ เดือนมิถุนายนพุ่งขึ้น 9.1%

แต่ความเห็นจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดที่ว่า เขาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งหน้า ช่วยลดความกังวลได้บ้าง แต่พร้อมที่จะสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 1%

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 244,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และสูงกว่า 234,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด และรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.8% ที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นพลังงานลดลง โดยหุ้นฮาลิเบอร์ตัน หุ้นไดมอนด์แบค เอ็นเนอร์จี้ หุ้นอีโอจี รีซอร์สเซสต่างลดลงกว่า 3%

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปปิดบวก โดยหุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นNvidiaเพิ่มขึ้น 1.4% หุ้น AMD บวก 1.4%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง นักลงทุนยังเกาะติดเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงเกินคาด ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ และอาจจะมีผลต่อการดำเนินนโยบยการเงินของธนาคารกลางสหภาพยุโรป ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเทียบเท่าเงินดอลลาร์

บรรยากาศการลงทุนยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังพรรคร่วมรัฐบาลแตกคอและนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี เตรียมที่จะลาออก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 406.50 จุด ลดลง 6.31 จุด, -1.53%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,039.81 จุด ลดลง 116.56 จุด, -1.63%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,915.41 จุด ลดลง 84.83 จุด, -1.41%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,519.66 จุด ลดลง 236.66 จุด, -1.86%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 95.78ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือน ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 99.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล