หุ้นเช้านี้ลบ 0.49 จุด รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 0.49 จุด รับแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนมิ.ย.สูงกว่าตลาดคาด ส่งผลให้เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมปลายเดือนนี้ ทำให้ Dollar Index ทรงตัวสูง หวั่นเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า เป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 14 ก.ค.2565 ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ระดับ 1,546.31 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ -0.03% มูลค่าซื้อขาย 2,122.43 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง SET Index แกว่งตัวในแดนลบกรอบ 1,535-1,550 จุด โดยถูกกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน มิ.ย. สูงกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมปลายเดือนนี้ ทำให้ Dollar Index ยังยืนทรงตัวในระดับสูง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield)อายุ 2 ปี ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นแตะ 3.18% ส่วน 10 ปี แกว่งผันผวนและทรงตัวที่ 2.94% ทำให้ยังคงภาพ Inverted Yield Gap อย่างต่อเนื่องและกว้างขึ้น สะท้อนความกังวลโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตามยังคงมุมมองเดิมว่า SET Index จะแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นจากการทยอยเปิดประเทศ ส่วนโฟกัสอยู่ที่การเริ่มประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/65 ของกลุ่มธนาคารวันนี้ ยังมองแนวรับหลัก 1,500-1,520+- จุดจะทำงานได้ดี และเป็นโอกาสเข้าสะสม โดยคาดหวังการรีบาวด์ ส่วนหุ้นยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น

ทั้งนี้ เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน มิ.ย. สูงกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วไป +1.3% M-M, +9.1% Y-Y ตลาดคาด +8.8% Y-Y และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ +8.6% Y-Y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.7% M-M, +5.9% Y-Y ชะลอเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ +6% Y-Y กดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75-1% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. คาดหุ้น Value Play จะยัง Outperform โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร การแพทย์ โรงไฟฟ้า ส่วนกนง. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ส.ค.

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTTEP อยู่ที่ 157.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ -1.88% มูลค่าซื้อขาย 232.45 ล้านบาท
IVL อยู่ที่ 44.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -2.76% มูลค่าซื้อขาย 142.30 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 145.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.68% มูลค่าซื้อขาย 137.86 ล้านบาท
ADVANC อยู่ที่ 206.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +1.48% มูลค่าซื้อขาย 137.34 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 70.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.36% มูลค่าซื้อขาย 124.67 ล้านบาท