HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดร่วง 10.60 จุด ขายลดความเสี่ยงก่อนตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.สหรัฐฯจะออกมาในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) และยังกังวลการล็อกดาวน์ของจีนหลังผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น อีกทั้งตลาดฯยังไร้ปัจัยบวกหนุน จึงอยู่ในลักษณะ Wait & See นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,331.00 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,780.10 ล้านบาท พรุ่งนี้ตลาดปิดทำการ ส่วนการลงทุนวันถัดไปขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาอย่างไร แนวรับ 1,530 แนวต้าน 1,570 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 12 ก.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,546.80 จุด ลดลง 10.60 จุด หรือ -0.68% มูลค่าซื้อขาย 47,877.42 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,556.90 จุด ต่ำสุด 1,542.95 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 439.39 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 9.71 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,780.10 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,331.00 ล้านบาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลง มองว่าเป็นการขายลดความเสี่ยงก่อนที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯจะออกมาในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งอาจนำไปสู่ความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว และยังกังวลการล็อกดาวน์ของจีนหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในจีนเพิ่มขึ้น อีกทั้งตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกมาหนุน ทำให้ตลาดฯอยู่ในลักษณะของ Wait & See
นอกจากนี้ ตลาดฯกำลังรอดูตัวเลข GDP งวดไตรมาส 2/65 ของจีนที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ (15 ก.ค.)
พรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 14 ก.ค.2565 ทิศทางตลาดขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อสหรัฐฯที่จะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,570 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTT ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.74% มูลค่าซื้อขาย 1,519.80 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +1.89% มูลค่าซื้อขาย 1,473.59 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 160.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.93% มูลค่าซื้อขาย 1,450.47 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 100.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.96% มูลค่าซื้อขาย 1,413.81 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.34% มูลค่าซื้อขาย 1,273.09 ล้านบาท