หุ้นเช้านี้ลบ 2.55 จุด กังวลศก.ถดถอย-บาทอ่อน-น้ำมันร่วง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 2.55 จุด กังวลเศรษฐกิจถดถอย, เงินบาทอ่อนค่า และราคาน้ำมันร่วง ส่งผลให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หันถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลยุทธ์มองดัชนีฯ หลุดแนวรับสำคัญ 1550 นักลงทุนควรปรับลดพอร์ตลง หุ้นกลุ่มที่จะเป็นลบจากเศรษฐกิจถดถอยควรลดน้ำหนักลง คือ ธนาคาร, การเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์ และส่งออก

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 6 ก.ค.2565 ณ เวลา 10.01 น. อยู่ที่ระดับ 1,538.75 จุด ลดลง 2.55 จุด หรือ -0.17% มูลค่าซื้อขาย 3,781.64 ล้านบาท

บล.เคทีบีเอสที มองดัชนีฯ ยังอยู่ในโทนลบ จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย, เงินบาทอ่อน และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา และกลับเข้ามาถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (ล่าสุด Dollar Index 106.5 จุด) ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงความกลัวของนักลงทุน โดยมองเป็นลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน(PTTEP)

เงินบาทอ่อนค่า (ล่าสุด 35.96 บาท/ดอลลาร์) อาจจะเป็นตัวฉุดตลาดหุ้นไทยลงในวันนี้ รวมถึงทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้ง วานนี้ขายสุทธิl 3 พันล้านบาท

สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ตั้งแต่รัสเซียมีการเปิดให้ขนส่งสินค้าเกษตรบางประเภท ทำให้ราคาสินค้าเกษตรมีการปรับตัวลดลง อาทิ ข้าวสาลี ในขณะที่การโจมตียูเครนยังคงดำเนินการต่อ (ไม่ได้ขยายวงออกไป)

เช้านี้ นายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมรับมือวิกฤตพลังงาน รวมถึงการรีดกำไรจากโรงกลั่น จึงมองว่าหากวันนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ นักลงทุนอาจจะตัดความกังวลในเรื่องนี้ออกไป

ด้านการเมืองไทยเริ่มมีการเคลื่อนไหว โดยวันนี้จะมีการประชุมสภาฯพิจารณากฎหมายลูกประกอบการเลือกตั้ง 2 ฉบับ

สำหรับกลยุทธ์มองดัชนีฯ หลุดแนวรับสำคัญ 1550 จุดลงมาแล้ว นักลงทุนควรปรับลดพอร์ตลง หุ้นกลุ่มที่จะเป็นลบจากเศรษฐกิจถดถอยควรลดน้ำหนักลง คือ ธนาคาร, การเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์ และส่งออก

ความกังวลโควิด-19 ของไทย น่าจะหนุนหุ้นโรงพยาบาลเกือบทั้งหมด ขณะที่สหรัฐฯเตรียมพิจารณาภาษีนำเข้าจีน น่าจะดีต่อ Logistics (WICE, PSL)

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTTEP อยู่ที่ 158.00 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ -3.07% มูลค่าซื้อขาย 639.02 ล้านบาท
PTT อยู่ที่ 33.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.46% มูลค่าซื้อขาย 267.09 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 148.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.68% มูลค่าซื้อขาย 166.29 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 61.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.24% มูลค่าซื้อขาย 149.92 ล้านบาท
JAS อยู่ที่ 2.90 บาท ลดลง 0.14 บาท หรือ -4.16% มูลค่าซื้อขาย 126.61 ล้านบาท