HoonSmart.com>>’ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น’ บริษัทแฟล็กชิพของ”ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป”ยื่นไฟลิ่ง เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก ด้านผลงาน 3 ปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิโตเฉลี่ย 27% ปี 64 ทำได้ 2,721 ล้านบาท ยอดขายโตเฉลี่ยปีละ 15% สูงกว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่ขยายตัว 5.8%
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บริษัทแฟล็กชิพของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ด้านผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น จำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นไม่เกิน 22% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ประกอบด้วยหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยไทยยูเนี่ยนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้จะจัดสรรหุ้นไม่เกิน 132 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ TU เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50 %ของกำไรสุทธิ
ไอ-เทล เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ และเป็นผู้นำธุรกิจ OEM ในการผลิตอาหารแมวและสุนัขของประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง อันดับ 2 ในเอเชีย และเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรก ของผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก โดยที่กลุ่มไทยยูเนี่ยนได้เริ่มดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2520 และได้ปรับโครงสร้างให้ ITC เป็นบริษัทแกนนำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ในปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายธุรกิจจากปัจจุบันที่มีพอร์ตฟอลิโออาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมี่ยมกว่า 4,600 รายการ จัดจำหน่ายใน 45 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งธุรกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงให้กับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำระดับโลก รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของ ไอ-เทล ได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount
สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายกำลังการผลิตปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และขยายโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการผลิต รวมไปถึงการปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ 2.ใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 3.เพื่อใช้ชำระหนี้เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน 4.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน ไอ-เทล มีทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 2,400 ล้านบาท โดยมีไทยยูเนี่ยนเป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วน 99.78% และจะปรับลดสัดส่วนเหลือ 77.82% หลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอ และพร้อมสนับสนุน ไอ-เทล ในสถานะเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มไทยยูเนี่ยนเช่นเดิม
ด้านผลการดำเนินงาน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไอ-เทล สามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15% จาก 10,955 ล้านบาทในปี 2562 เป็น 14,529 ล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่อยู่ที่ 5.8% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2564) โดยมีผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจาก 1,695 ล้านบาท ในปี 2562 เป็น 2,721 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเฉลี่ยปีละ 27%