HoonSmart.com>>โลกกำลังเผชิญกับสึนามิเทคโนโลยีในทุกระดับ ทั้งกายภาพและชีวภาพ ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค การสื่อสาร วิธีการทำงาน ผนวกกับการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 จึงยิ่งเป็นตัวเร่งให้ภาคธุรกิจต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเร่งด่วน
ผู้บริโภคในยุค Next Normal ได้ย้ายจากออฟไลน์มาอยู่ในโลกออนไลน์ ผู้คนใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อแชร์ สำรวจ และเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในชุมชน ทำให้นักการตลาดต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งเรียกว่า “ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราจะอยู่ที่นั่น” เพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้าบนแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้งานบ่อยที่สุด องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้โซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์และขยายธุรกิจ เพิ่มเติมจากช่องทางเดิมๆ
การเลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช่เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การสื่อสารพุ่งตรงสู่เป้าหมายได้ตรงจุด ทำให้สามารถทุ่มเทความสนใจและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรได้อย่างสูงสุด
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้นำกลยุทธ์ “ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราจะอยู่ที่นั่น” มาใช้เช่นกัน โดยได้ใช้แพลตฟอร์มเฟสบุ๊กเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไป นับว่าเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพไม่ได้สร้างแค่เพียงภาพลักษณ์ขององค์กร แต่ได้สร้างผู้ส่งออกป้ายแดงให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย
มีน้อยคนที่รู้ว่าสตาร์อัพผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับ Internet of Things อุปกรณ์สำหรับใช้กับคอมพิเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง “Anitech” นั้นได้รับการสนับสนุนเริ่มต้นจาก EXIM BANK ผ่านมาทางโซเชียลมีเดีย
คุณพิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป กล่าวว่า “ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเริ่มอยากจะเปิดโรงงานขยายตลาดไปต่างประเทศ ผมกำลังคิดว่าจะหาแหล่งเงินทุนที่ไหนดี ช่วงนั้นก็หาข้อมูลเยอะ วันหนึ่งได้เปิด Facebook ขึ้นมา แล้วเจอ Feed ที่เป็น EXIM BANK ก็เห็นว่าเป็นธนาคารที่ให้การสนับสนุนการส่งออก จึงคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะไปเป็นลูกค้า จึงได้ลองส่งข้อความไปทาง Messenger สอบถามข้อมูล ทางธนาคารก็ติดต่อกลับมาและส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลอย่างดี เข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้เราสามารถที่จะขยายตลาดในต่างประเทศได้ โดยบริการแรกที่ผมใช้บริการกับ EXIM BANK คือบริการรับประกันการส่งออก”
คุณพิชเยนทร์ ย้อนอดีตสมัยที่เริ่มก่อตั้งบริษัทให้ฟังว่า ในช่วงที่เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส ได้ร่วมกับเพื่อนทำธุรกิจพัฒนา chipset ที่ใส่อยู่ในเครื่องเล่นเกมอย่าง X-BoX และ Playstation พอเรียนจบกลับไทยก็อยากทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีต่อ จึงเริ่มรับจ้างผลิตแบบ Origianl Equipment Manufacturer (OEM) คือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง โดยผลิตให้กับ Global brand ต่าง ๆ แต่เมื่ออยู่ใน Supply Chain แล้ว เจ้าของแบรนด์มีการลดต้นทุนตลอดเวลา ทำให้ลำบาก และเห็นว่าการยืมจมูกคนอื่นหายใจ เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจและไม่ยั่งยืน จึงหันมาพัฒนาแบรนด์ของตัวเองและขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าการเติบโตของ SMEs จะต้องได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินด้วย ตอนที่เริ่มส่งออกเรากลัวเรื่องความเสี่ยงมาก ได้ EXIM BANK มาช่วยตรงนี้ ก็ทำให้เราลดความกังวลว่าส่งออกแล้วไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
“บริการประกันการส่งออกตอบโจทย์ธุรกิจของเราอย่างมาก เพราะช่วงขยายตลาดต่างประเทศมากนั้น เราไม่สามารถให้เครดิตเทอมกับคู่ค้าของเราได้เต็มที่นัก ขณะที่ลูกค้าของเราเองก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินเราได้ ณ วันที่สินค้าเราส่งไปถึง บริการประกันการส่งออกที่ช่วยคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงิน ช่วยให้เรากล้าเสนอเทอมการชำระเงินที่ผ่อนปรน และค้าขายกับใครก็ได้ในต่างประเทศ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยง”
นอกจากนี้ในการเข้าไปรับดำเนินโครงการของภาครัฐ EXIM BANK ก็ช่วยจัดการเรื่องของ Bank Guarantee ให้ในเวลาที่รวดเร็วมากๆ ทำให้เราสามารถที่จะลงนามสัญญาได้รับโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ภายในเวลาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าเป็นความประทับใจในบริการที่ได้รับจาก EXIM BANK มาโดยตลอด ทีมงานไปจนถึงผู้บริหารให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี” คุณพิชเยนทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ช่องทางที่ EXIM BANK ใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจที่จะทำการค้าระหว่างประเทศหรือปรึกษาปัญหาธุรกิจมีหลากหลาย ช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook ทางแฟนเพจ “EXIM Bank of Thailand” และแฟนเพจ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร DR.Rak Vorrakitpokatorn” และทางเว็บไซต์ https://www.exim.go.th ซึ่งจะมีช่องทาง Chat ระหว่าง EXIM BANK กับลูกค้าและประชาชนที่สนใจ เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและบริการอย่างทันท่วงที
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ให้ความสำคัญกับเสียงของลูกค้าทุกรายที่ส่งข้อความเข้ามาถาม โดยไม่ได้เน้นในเรื่องของการขาย แต่ต้องการให้เป็นช่องทางสร้างความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานที่ดีระหว่างผู้คนกับธนาคาร ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นผู้ส่งออกหรือเป็นลูกค้า แต่เป็นประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจจะทำธุรกิจ ต้องการข้อมูลข่าวสารแล้วไม่รู้จะถามใคร ก็สามารถสอบถามข้อมูลความรู้เข้ามาได้ และธนาคารก็ยินดีให้บริการ ซึ่งการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่เริ่มต้นทำธุรกิจอาจจะกังวล กลัว และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“คุณพิชเยนทร์ หงษ์ภักดี บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป เป็นตัวอย่างของ SMEs ที่เริ่มต้นแล้วไม่รู้จะคุยกับใคร จะเริ่มตรงไหน ก็ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเข้ามาคุยกับธนาคาร อยากให้ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นใหม่อย่ากลัวที่จะถาม อย่ากลัวที่จะติดต่อมาแล้วจะไม่ได้รับความสนใจ EXIM BANK ให้ความสำคัญกับทุกคน หากกลัวไม่ได้รับความสะดวกจะติดต่อมาที่แฟนเพจของ ดร.รักษ์ โดยตรงก็ได้” กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าว
ดร.รักษ์กล่าวว่า ธนาคารได้พยายามเพิ่มช่องทางการติดต่อของลูกค้ากับธนาคารให้หลากหลายและมีมากขึ้น โดยนำเอาความกังวลของ SMEs มาปรับการให้บริการ โดยได้จัดตั้ง “EXIM Contact Center โทร 0 2169 9999” ให้เป็น “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)” โดยเจ้าหน้าที่มีประสบการณ์จะให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องธุรกิจและการเงิน ตลอดจนประสานงานและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแบบครบวงจรในจุดเดียว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังใช้ช่องทางการออกบูทในงานมหกรรมการเงินต่างๆ อย่างเช่นงาน Money EXPO, Thailand Smart Money, Smart SME Expo โดยนำเจ้าหน้าที่ไปให้บริการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ตลอดจนให้คำปรึกษาทั้งด้านข้อมูลข่าวสารและบริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออก
ดร.รักษ์ กล่าวว่า ในด้านการเสริมสร้างผู้ประกอบการ SMEs จะใช้นโยบาย 3 เติมเพื่อเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ เติมความรู้ สร้างโอกาสให้ SMEs เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ Training บ่มเพาะความรู้ด้านการส่งออก กระบวนการและเอกสารที่เกี่ยวข้อง Assessment มีแบบประเมินความพร้อมด้านการส่งออกด้วยระบบประเมินความพร้อมผู้ส่งออก (Thailand Export Readiness Assessment and Knowledge Management : TERAK)
เติมเงินทุน สนับสนุนด้านเงินทุนตลอดวงจรธุรกิจ
เติมเครือข่าย จัดให้มีช่องทางสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมได้ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อจะได้รู้จักและเข้าถึงผู้ซื้อในต่างประเทศได้เร็วขึ้น
ดร.รักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การสร้างผู้ประกอบการ SMEs ให้เป็นนักรบเศรษฐกิจไทยต้องแก้ไข Pain Points โดยเฉพาะเรื่องความกลัวให้ได้ก่อน EXIM BANK จึงอาสาเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจโดยเปิดให้บริการในทุกช่องทาง รวมทั้งโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับสามารถเข้าถึงความรู้ เงินทุน และเครือข่ายที่จะเตรียมความพร้อมเป็นนักรบเศรษฐกิจไทยที่คว้าชัยชนะในตลาดการค้าโลกยุค Next Normal ได้อย่างประสบความสำเร็จและยั่งยืน