บล.คิงส์ฟอร์ดคาด SET ผันผวน แนะซื้อแบงก์-กลุ่ม Defensive

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มตลาดหุ้นผันผวน ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก วางแนวรับดัชนี 1,540 จุด แนวต้าน 1,567 จุด แนะรอซื้อช่วงดัชนีอ่อนตัวบริเวณแนวรับ แนะแบงก์ KBANK, BBL, KTB, BLA กลุ่ม Defensive ชู GULF, GPSC, BGRIM ส่วนหุ้นแนะนำวันนี้ EPG , CRC

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,540 จุด แนวต้าน 1,567 จุด โดยดัชนีอาจผันผวนจาก Fund Flow ไหลออกจากเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก แนะนำซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนบริเวณแนวรับ เช่น KBANK, BBL, KTB, BLA ปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยขาขึ้น GULF, GPSC, BGRIM เป็นกลุ่ม Defensive

สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ EPG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.70 บาท) หนึ่งในหุ้นกลุ่ม Anti-Oil ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง บริษัทตั้งเป้ายอดขายงวดปี 65/66 (พ.ค.65 – เม.ย.66) เติบโต 12-15% อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.17 หมื่นล้านบาท มาจากการฟื้นตัวของของเศรษฐกิจ หลังจาก COVID-19 คลี่คลายลงไปมาก โดยธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยการขยายกำลังผลิตในสหรัฐอเมริกาช่วยลดต้นทุนการผลิตและแรงงาน ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23% ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8% เน้นการปรับปรุงการผลิตและสร้างการรับรู้ของแบรนด์

หุ้น CRC (ทะยอยซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 43.50 บาท) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลยุทธในการดำเนินงานเพิ่มเติม คือ 1.การรวมสาขา Hybrid (การรวมร้านไทวัสดุ และร้าน BnB เข้าไว้ในสาขาเดียวกัน ช่วยเพิ่ม Efficiency ในด้านการส่ง, การจัดการ, ขนาดของร้าน, การเข้าใช้งานของกลุ่มลุกค้าเป้าหมายในเวลาต่างๆ เช่น ลูกค้าช่างเข้ามาตอนเช้า และ ลูกค้าเจ้าของบ้าน เข้ามาใช้งานตอนสาย) 2.การเปิดร้าน go! WOW ขายสินค้าจิปาถะที่ราคาไม่แพง (เป้า 70 สาขาในนี้) 3. การเปิด Tops Care และ Tops Vita เพิ่มเติมเข้ามาใน Tops เพื่อขายยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ(เป้า 30 สาขาในนี้ และ 300 สาขาใน 3 ปี) ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิในช่วงปี65 และปี66 จะฟื้นตัวโดดเด่นขึ้นมาอยู่ ที่ 5,237 ลบ.(+8,722%YoY) และ 7,395 ลบ.(+41.19%YoY) ตามลำดับ