ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 575 จุด ขานรับเงินเฟ้ออ่อนตัว ผลประกอบการสดใส

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 575 จุด แรงซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ขานรับผลผระกอบการของบริษัทจดทะเบียนสดใส และข้อมูลเงินเฟ้อชะลอ Core PCE เดือน เม.ย.65 ของสหรัฐฯ +0.3% MoM, +4.9% YoY ถือเป็นการปรับขึ้นแบบ YoY น้อยสุดในรอบ 4 เดือน กลบความกังวลเศรษฐกิจจะตกต่ำ บอนด์ยีลด์ลดลงต่ำกว่า 2.75% ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 98 เซนต์ ปิดที่ 115.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่บวก นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี

แต่นักลงทุนยังซื้อขายอย่างระมัดระวัง จากการที่นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป (European Central Bank:ECB) บ่งชี้การดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดในเดือนกรกฎาคม ขณะที่สงครามยูเครนยังยืดเยื้อและกระทบการเติบโตเศรษฐกิจในภูมิภาค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ปิดที่ 33,212.96 จุด เพิ่มขึ้น 575.77 จุด หรือ 1.76% ด้วยจากแรงซื้อที่ต่อเนื่องในสองวันสุดท้ายของสัปดาห์จากผลการดำเนินของบริษัทจดทะเบียนที่สดใส และข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอ กลบความกังวลว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ จึงส่งผลให้ตลาดปิดบวกในสัปดาห์นี้จากที่ลดลงต่อเนื่อง 7 สัปดาห์

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,158.24 จุด เพิ่มขึ้น 100.40 จุด, +2.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,131.13 จุด เพิ่มขึ้น 390.48 จุด, +3.33%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 6.2% หลังปิดลบ 8 สัปดาห์ติดต่อกัน ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 6.6% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.8% จากที่ลดลง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน

กระทรวงพาณิชย์รายงาน ดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures:PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี แต่ชะลอตัวลงจาก 6.6% ในเดือนมีนาคม และเป็นการชะลอตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.2%

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลาง (เฟด) ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี แต่ชะลอตัวจาก 5.2% ในเดือนมีนาคม และชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่า 2.75%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงาน โดยหุ้น Ulta Beauty เพิ่มขึ้นราว 12.5% หลังรายงานผลการดำเนินดีกว่าคาด หุ้นเดลล์ เพิ่มขึ้น 12.9% จากรายได้และผลกำไรรายไตรมาสสูงกว่าคาด หุ้น Gap บวก 4.3% แม้ลดคาดการณ์ผลกำไร

มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมลดลงมาที่ 58.4 จาก 65.2 ในเดือนเมษายน นับว่าต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 และต่ำกว่า 59.1 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์รายงานการขาดดุลการค้าเดือนเมษายนลดลงมากกว่าคาด โดยขาดดุล 105.9 พันล้านดอลลาร์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการ 126 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 3.2% จากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินตึงตัวคลายลง หลังจากการรายงานข้อมูล PCE สหรัฐฯ แต่หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง

แต่นักลงทุนยังซื้อขายอย่างระมัดระวัง จากการที่นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป(European Central Bank:ECB) บ่งชี้การดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดในเดือนกรกฎาคม ขณะที่สงครามยูเครนยังยืดเยื้อและกระทบการเติบโตเศรษฐกิจในภูมิภาค

หุ้น BP ลดลง 1.2% หุ้น Shell ลดลง 0.7% หลังรัฐบาลอังกฤษประกาศจะเก็บภาษีเงินได้ในอัตรา 25% ธุรกิจน้ำมันและก๊าซเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 443.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด, +1.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,585.46 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด, +0.27%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,515.75 จุด เพิ่มขึ้น 105.17 จุด, +1.64%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,462.19 จุด เพิ่มขึ้น 230.90 จุด, +1.62%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 115.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 119.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล