HoonSmart.com>> ดัชนีหุ้นปิดภาคเช้าที่ 1,610.98 จุด ลดลง 9.35 จุด ตามตลาดต่างประเทศ กังวลเงินเฟ้อสูงกดดันกำไรบริษัทจดทะเบียน-เศรษฐกิจโลก แต่ดัชนีฯลงแล้วเด้งขึ้นมาเหนือ 1,600 ตอบโจทย์ทิศทางเศรษฐกิจในประเทศแกร่งกว่าภูมิภาค จากอยู่ในช่วงเปิดประเทศ และกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/65 โตทั้ง yoy และ qoq แนวโน้มภาคบ่ายยังคงยืนเหนือ 1,600 พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,585 แนวต้าน 1,620 จุด
ตลาดหุ้นวันที่ 19 พ.ค.2565 ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,610.98 จุด ลดลง 9.35 จุด หรือ -0.58% มูลค่าการซื้อขาย 33,676.99 ล้านบาท โดยดัชนีขึ้นไปแตะ 1,611.67 จุด และต่ำสุด 1,592.10 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวลงแรงก่อนที่จะเด้งกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุดได้ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ทิศทางในประเทศที่เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ไตรมาส 2/65 ที่เศรษฐกิจไทยมีโอกาสแกร่งกว่าภูมิภาค จากที่ไทยอยู่ในช่วงของการเปิดประเทศ ทำให้ทิศทางน่าจะดีต่อเนื่อง และกำไรของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/65 ก็มีกำไร 280,000 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq หลายกลุ่มอุตสาหกรรมก็กำไรออกมาดีกว่าคาด
ทั้งนี้ ตลาดฯเช้านี้ติดลบตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็เคลื่อนไหวในแดนลบกัน เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ จากความกังวลเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจนทำให้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลง เพราะเงินเฟ้อที่สูงจะไปกดดันกำไรของบริษัทจดทะเบียนจากต้นทุนที่สูงขึ้น และกดดันเศรษฐกิจโลก แต่ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังดูดีกว่าจากการเปิดประเทศ
สำหรับแนวโน้มภาคบ่ายน่าจะยังแกว่งเหนือระดับ 1,600 จุดได้ โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,600-1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด พร้อมให้ติดตามความคืบหน้าจากทางจีนในการเปิด/ปิดเมือง และติดตามทิศทางเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
FTI ปิดที่ 4.34 บาท เพิ่มขึ้น 1.84 บาท หรือ +73.60% มูลค่าซื้อขาย 2,268.76 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 156.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -1.58% มูลค่าซื้อขาย 1,023.76 ล้านบาท
BANPU ปิดที่ 11.80 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.84% มูลค่าซื้อขาย 969.07 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.93% มูลค่าซื้อขาย 953.55 ล้านบาท
GULF ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.60% มูลค่าซื้อขาย 921.63 ล้านบาท