HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงแรง สร้างระดับต่ำสุดของปี ดาวโจนส์ลดลง -1.02% Nasdaq ร่วง-3.18%เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ร้อนแรงเกินคาด กลัวเฟดจะใช้ยาแรงสกัดจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 6% ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 พ.ค. 2565 ปิดที่ 32,834.11 จุด ลดลง 326.63 จุด หรือ -1.02% หลังจากเงินเฟ้อเดือนเมษายนร้อนแรงเกินคาด
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,936.18 จุด ลดลง 65.87 จุด, -1.65%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,364.24 จุด ลดลง 373.44 จุด, -3.18%
ในชั่วโมงซื้อขายดัชนี S&P 500 ลงไปแตะระดับต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 3,928.82 ขณะที่ดัชนีอื่นๆก็ลงไปที่ระดับต่ำสุดใหม่ของปี
เงินเฟ้อทั่วไปหรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค(Consumer Price Index:CPI) เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อนสูงกว่า 8.1% ที่นักวิเคราะห์คาด และยังอยู่ในระดับใกล้ระดับสูงรอบ 40 ปีที่ 8.5% ในเดือนมี.ค. ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 6.2% สูงกว่า 6% ที่นักวิเคราะห์คาด
เมื่อเทียบรายเดือนเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้ออาจจะแตะระดับสูงสุดแล้ว แต่แรงกดดันด้านราคาอาจจะยังคงมีอยู่
แต่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า เงินเฟ้อยังไม่แตะระดับสูงสุด เช่น เกรก แมคไบรด์จาก Bankrate ที่ระบุว่า เงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีที่ลดลงจาก 8.5% มาที่ 8.3% อาจจะบอกได้ว่าแตะระดับสูงสุดแล้ว แต่ข้อมูลก็หลอกแบบนี้มาแล้วในเดือนส.ค.ปีก่อน
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ข้อมูลเงินเฟ้อบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคุมเงินเฟ้อไม่ได้ และอาจจะเป็นแรงกดดันให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินในเชิงรุกมากขึ้น
หลังการรายงานเงินเฟ้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นไปที่เหนือระดับ 3% อยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาที่ 2.93%
แม้เงินเฟ้อล่าสุดจะบ่งชี้ว่าเฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกและดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเพื่อคุมเงินเฟ้อ แต่ยังมีความไม่แน่นอนว่าเฟดจะดำเนินการอย่างไรและจะส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงหรือไม่ โดยที่ไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย จึงทำให้ตลาดผันผวน
นอกจากนี้ในบ่ายวันอังคาร นางลอเรตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ในการประชุมสองนัดต่อไป และเปิดช่องที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 4.51% หุ้นเซลส์ฟอร์ซลดลง 5.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 3.3% หุ้นแอมะซอน ลดลง 3.2% หุ้นแอปเปิล ลดลง 5.1%
หุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) ลดลง 26.4% จากรายได้ในไตรมาส 1 ต่ำกว่าคาด
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 6% โดยหุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.43 หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้นกว่า 2%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.6% แม้เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯสูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามการซื้อขายผันผวนทั่วทั้งภูมิภาค
ในเยอรมนีเงินเฟ้อเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่ปี1981
หุ้น Thyssenkrupp ผู้ผลิตเหล็กเยอรมนี เพิ่มขึ้น11% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 427.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.30 จุด, +1.74%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,347.66 จุด เพิ่มขึ้น 104.44 จุด, +1.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,269.73 จุด เพิ่มขึ้น 152.82 จุด, +2.50%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,828.64 จุด เพิ่มขึ้น 293.90 จุด, +2.17%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 5.95 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 105.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5.05 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 107.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล