HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงแรง ดัชนีดาวโจนส์ลดลงกว่า 650 จุด Nasdaq ทรุดกว่า 4% S&P 500 ปิดต่ำกว่า 4,000 จุด ต่ำสุดของปีนี้ นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อ เพื่อประเมินเฟดเดินหน้านโยบายการเงินตึงตัว บอนด์ยีลด์เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 3% ราคาน้ำมันดิบดิ่ง 6% ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ต่ำสุดรอบ 2 เดือน ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางกังวลเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ปิดที่ 32,245.70 จุด ร่วงลง 653.67 จุด หรือ 1.99% ด้วยแรงเทขายที่ต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลงไปที่ระดับต่ำสุดของปีที่ 3,975.48 จุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อกลางสัปดาห์ รวมทั้งผลประกอบการเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัท ในขณะที่ธนาคารกลาง (เฟด) เดินหน้านโยบายการเงินตึงตัว
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 132.10 จุด, -3.20%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,623.25 จุด ลดลง 521.41 จุด, -4.29%
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลดลงยกเว้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่เหนือระดับ 3% ยังคงเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018
เจฟฟ์ คิลเบิร์กจากSanctuary Wealth กล่าวว่า ปัจจัยหลักคือ นโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้ยังเกิดจากความกังวลในกลายด้านทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การระบาดของโควิด และเงินเฟ้อ
ไบรอัน ไพร้ซ์ จาก Commonwealth Financial Network ชี้ว่า ตลาดหุ้นโลกยังถูกกดดันจากเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและสถานการณ์ในยูเครน ผสมกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ติดขัดจากการใช้นโยบาย zero COVID ของจีน ราคาอาหารและน้ำมันท่สูงขึ้นจากสงครามยูเครน ทำให้กังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ นักลงทุนจึงลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง
นักลงทุนข้อมูลเงินเฟ้อในวันพุธ เพื่อประเมินว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินในเชิงรุกมากน้อยแค่ไหนเพื่อคุมเงินเฟ้อ
ตลาดคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index:CPI) ที่จะเผยแพร่ในวันพุธและดัชนีราคาผู้ผลิต(Producer Price Index :PPI) เดือนเมษายนจะอ่อนตัวลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเดือนมีนาคมอาจจะเป็นระดับสูงสุดแล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอปเปิล ลดลง 3.3% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.8% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 3.7% หุ้นแอมะซอนลดลงมากกว่า 5%
ในกลุ่มอื่นๆ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาลดลง 2.8% หุ้นโบอิ้งลดลงมากสุดกว่า 10% หุ้นเชฟรอนลดลง 6.7%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ลดลง 5.8% และกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 4.8% จากการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จากการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด รวมไปถึงสงครามในยูเครนหลังรัสเซียโจมตีภูมิภาค Luhansk ทางตะวันออกของยูเครนอีกครั้ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.46 จุด ลดลง 12.45 จุด, -2.90%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 7,216.58 จุด ลดลง 171.36 จุด, -2.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 6,086.02 จุด ลดลง 172.34 จุด, -2.75%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,380.67 จุด ลดลง 293.62 จุด, -2.15%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 6.68 ดอลลาร์ หรือ 6.1% ปิดที่ 103.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 6.45 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 105.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล