HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 67 จุด แรงซื้อกลุ่มพลังงานและเฮลทธ์แคร์แ แรงขายเบาลง ท่ามกลางการรายงานผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนและรอผลประชุมเฟด บอนด์ยีลด์อ่อนตัวลงต่ำกว่า 3% ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.76 ดอลลาร์ฯ ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก แรงซื้อกลับหลังร่วงไปก่อนหน้าในกลุ่มน้ำมันและก๊าซ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ปิดที่ 33,128.79 จุด เพิ่มขึ้น 67.29 จุด หรือ 0.20% ด้วยแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มเฮลธ์แคร์ ขณะที่แรงขายอ่อนตัวลง นักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง (เฟด) ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการ
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,175.48 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด, +0.48%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,563.76 จุด เพิ่มขึ้น 27.74 จุด, +0.22%
หุ้นเอ็กซอนโมบิลเพิ่มขึ้นกว่า 2% หุ้น EOG Resources เพิ่มขึ้น หุ้นไฟเซอร์เพิ่มขึ้น 2% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด
กลุ่มการเงินก็ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกนและหุ้นมอร์แกนสแตนเล่ย์ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2%
อดัม ไครซาฟุลลี จากVital Knowledge ระบุว่า เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่นักลงทุนรายที่เทขายดูเหมือนจะรามือลง และค่อนข้างคิดมากเกี่ยวกับการที่จะขาย(short)มากกว่าการที่จะซื้อ(long)
อย่างไรก็ตามตลาดยังคงผันผวน นักลงทุนยังรอผลการประชุมของเฟด โดยคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ แต่ก็มีบางรายเชื่อว่าตลาดขานรับการดำเนินนโยบายตึงตัวในเชิงรุกไปแล้ว
การคาดการณ์ว่าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ส่วนหนึ่งมาจากการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสในจีนและสงครามยูเครน
มิสลาฟ มาเตกา จากเจพีมอร์แกนระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับการจัดการโควิด-19 ของจีนและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังกลบปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อ่อนตัวลงมาที่ต่ำกว่า 3% หลังจากปรับขึ้นไปแตะ 3.01% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2018 ในวันก่อนหน้า
การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อหุ้นรายตัวเมื่อวานนี้ โดยหุ้นพาราเมาท์ โกลบอล ลดลง 1.29% จากรายได้ต่ำกว่าคาด
หุ้น Expedia ลดลง14% หุ้นฮิลตันลดลง 4.2% หลังรายงานผลการดำเนินงาน แต่หุ้น Clorox บวก 3% จากผลการดำเนินงานดีกว่าคาด
ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจส่วนหนึ่งหนุนตลาดโดยคำสั่งซื้อโรงงานเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 2.2% ดีกว่าที่คาด และการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นมาที่ 11.5 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานรายงาน ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.5 ล้านตำแหน่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000 และสูงกว่า 11.0 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
นักลงทุนรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเมษายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ร่วงลงไปในวันก่อนหน้านำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้นกว่า 4% ลดลง ขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานและผลการประชุมนโยบายการเงินของประเทศหลักๆทั่วโลก รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ
การรายงานผลการดำเนินงานมีผลกับหุ้นรายตัว โดยหุ้นผู้ผลิตวัตถุดิบ Covestro ในเยอรมนี ลดลง 4.9% หลังปรับลดคาดการณ์ผลกำไร
ในเยอรมนีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งปรับขึ้นภายในสองเดือนหลังจากลดต่ำกว่า 0%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 446.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.37 จุด, +0.53%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,561.33 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด, +0.22%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,476.18 ไม่เปลี่ยนแปลง
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,039.47 จุด เพิ่มขึ้น 100.4 จุด, +0.72%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.76 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 102.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 2.61 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล