HoonSmart.com>>”ปูนซิเมนต์ไทย”โชว์กำไรไตรมาส 1/65 รวม 8,844 ล้านบาท โตขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน แข็งแกร่งทั้งไทยและต่างประเทศ ยอดขายดีขึ้นทุกตัว ปรับราคาขายตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งปี 65 โตเกิน 10% เผย 4 กลยุทธ์เอาชนะราคาพลังงาน-วัตถุดิบที่สูงขึ้น สร้างโอกาสโต บล.ทรีนีตี้เผย SCC ดีกว่าตลาดคาด ลดเป้ากำไรปีนี้ลงเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% กระทบราคาเป้าหมายเหลือ 465 บาท หุ้น-5% รับข่าวลบแล้ว
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาสแรก/2565 ยังคงแข็งแกร่ง กำไรสุทธิ 8,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนและมีรายได้จากการขาย 152,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากยอดขายที่สูงขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ บริษัทจึงปรับเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้เพิ่มจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากปรับราคาขายสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) 51,388 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 34% ของรายได้จากการขายรวม และยังมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ และ Service Solution คิดเป็น 17% และ 5% ของรายได้จากการขายรวม
บริษัทยังคงมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และพิจารณาลงทุนในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ให้สูงขึ้น รวมถึงเข้มงวดในการลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านต้นทุนที่ขณะนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก อีกทั้งเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ในธีมการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือกลุ่มสินค้า Green ตลอดจนเรื่องของ Service Solution ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังมีความต้องการสูง
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงผ่านการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าหากความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกรุนแรงขึ้น บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้ ด้วยต้นทุนยังสามารถบริหารจัดการได้ จากการใช้เครื่องมือด้านการเงินในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม มองว่าไทย หรืออาเซียน ยังอยู่ห่างจากสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก
แนวโน้มตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนสูงจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกส่งผลให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และผลักดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับการทยอยเปิดประเทศในภูมิภาคนี้จะส่งผลให้มีแรงกระตุ้นการบริโภคให้ฟื้นตัวดีขึ้น เชื่อว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในจีนใกล้คลี่คลายแล้ว ก็น่าจะหนุนความต้องการใช้สินค้าฟื้นตัวได้เพิ่มขึ้นอีกในระยะถัดไป
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP 2) ประเทศเวียดนาม เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขณะที่ LSP 1 ก่อสร้างไปแล้ว 93% คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิต (COD) ได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ได้ตามแผน
“SCC ยังคงแข็งแกร่งทั้งในไทยและต่างประเทศ แม้ต้องเผชิญภาวะต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งบริษัทรับมือได้ โดยเร่ง 4 กลยุทธ์ รุกไว ลุยตลาดโลก ได้แก่ 1.บริหารจัดการธุรกิจเชิงรุก ยืดหยุ่น 2.ส่งมอบนวัตกรรมรับเทรนด์ทันท่วงที คว้าตลาดรับเปิดเมือง 3.เดินหน้าลงทุนรับโอกาสตลาดโลกโต ล่าสุด SCGC ยื่น Filing ผนึกกำลังซีพลาสต์ (Sirplaste) โปรตุเกส เพิ่มกำลังผลิตพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง จับมือไมโครซอฟท์ประยุกต์เทคโนโลยีระดับโลก 4.เร่ง ESG (Environmental, Social, Governance) สร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตระยะยาว พร้อมลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาทักษะ สร้างอาชีพแก่ชุมชน บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ด้านบล.ทรีนีตี้ ยังคงคำแนะนำ”ซื้อ” หุ้น SCC แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 465 บาท เทียบเท่า EV/EBITDA ที่ 10.5 เท่า หลังปรับประมาณกำไรปีนี้ลงเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% และ 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลง -5% เชื่อว่าได้สะท้อนการดำเนินงานที่คาดว่าจะอ่อนแอในปีนี้ไปแล้ว เป็นจังหวะดีในการเข้าสะสม และรอการฟื้นตัวในปี 2566
” กำไรไตรมาส 1 เป็นไปตามที่เราคาด และดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย โดยดีขึ้น +6% QoQ มาจากธุรกิจ ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ดีขึ้น ขณะที่กำไรลดลงค่อนข้างมาก -41% จาก YoY จากปิโตรเคมีที่มีส่วนต่างราคาลดลง”บล.ทรีนีตี้ระบุ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงคำแนะนำซื้อหุ้น SCC และราคาเหมาะสมที่ 460 บาท นักลงทุนระยะยาว 6-12 เดือนสามาถทยอยสะสมช่วงหุ้นอ่อนตัว หรือหากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจรอสัญญาณพักฐานของราคาพลังงานที่ชัดเจนก่อนเข้าลงทุน
กำไรสุทธิไตรมาส 1/2565สูงกว่าที่เราและตลาดประเมินไว้เล็กน้อย 6-8% สาเหตุหลักจากยอดขายธุรกิจวัสดุก่อสร้างสูงกว่าคาด และมีกำไรจากการทำสัญญาราคาขายปิโตเคมีล่วงหน้า ส่วนแนวโนมในไตรมาสที่ 2 ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทายจากภาวะราคาพลังงานระดับสูง กำไรมีโอกาสลดลง YoY คงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 28% จากปี 2564
ด้านราคาหุ้น SCC ปรับตัวขึ้น 4 บาทหรือ 1.12% ปิดที่ 360 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 1,014 ล้านบาท วันที่ 28 เม.ย.2565