HoonSmart.com>>”เอสซีบี เอกซ์” เข้าซื้อขายวันแรก ถูกลดน้ำหนัก FTSE All-World Index ระหว่างกาล มากถึง -84.2 ล้านเหรียญฯ หรือ 3.3 เท่า ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวัน จาก Float ของต่างชาติลดลง บล.โนมูระฯ แนะนำให้นักลงทุนชิงขายก่อน รอจังหวะเข้าซื้อตอนกองทุนปรับพอร์ตปิดตลาด 28 เม.ย. ด้านราคาปิดที่ 114 บาท เทรดที่ P/BV 0.88 เท่า สูงกว่า 2 แบงก์ใหญ่ บล.บัวหลวงลดเป้าเหลือ 141 บาท คาดดีล Bitkub ยืดเยื้อจบก.ค.นี้
ex
หุ้นบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แทนธนาคารไทยพาณิชย์ วันที่ 27 เม.ย.2565 ราคาเปิดที่ 120 บาท และมีแรงซื้อดันขึ้นไปสูงสุด 121.50 บาท ก่อนเจอแรงขายให้อ่อนตัวลงต่ำสุดที่ 113 บาท และฟื้นขึ้นมาปิดที่ 114 บาท เพิ่มขึ้น 43 บาทหรือ 60.56 % มูลค่าการซื้อขายรวม 4,499 ล้านบาท
โบรกเกอร์ กล่าวว่า ราคาหุ้น SCB วันแรกเป็นไปตามคาด เคลื่อนไหวต่ำกว่า 120 บาท ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดโดยรวมปรับตัวลงแรง ตามตลาดหุ้นต่างต่างประเทศ แต่แนวโน้มราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้น ตามแรงเก็งกำไรแผนปรับโครงสร้างธุรกิจจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เป็นโฮลดิ้งสำเร็จ คาดหวังกำไรและมาร์เก็ตแคปโตก้าวกระโดด หลังจากส่งบริษัทในเครือเสนอขาย IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ตามเป้าหมาย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า FTSE ประกาศลดน้ำหนักหุ้น SCB จาก FTSE All-World Index ระหว่างกาล เนื่องจาก Float ที่ลดลง มีผลทันทีราคาปิดวันที่ 28 เม.ย.2565 จำนวน -84.2 ล้านเหรียญฯ ประมาณ 2,863 ล้านบาท คิดเป็นแรงขายประมาณ 3.3 เท่า ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ความเห็นว่า SCB ถูกลดน้ำหนักครั้งนี้ เนื่องจากโฟลทของนักลงทุนต่างชาติต่ำ หลังจากสวอปหุ้น ทำให้ฟุตซี่ปรับลดน้ำหนักการลงทุน SCB คาดว่ากองทุนที่ลงทุนตามน้ำหนัก FTSE All-World Index จะขายหุ้นออกมาวันที่มีผล จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นก่อน เพื่อกลับมาซื้อตอนเย็นวันที่ 28 เม.ย.2565
ทั้งนี้ การปรับลดน้ำหนักหุ้น SCB ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานและเป็นการปรับลดอีกเพียงครั้งเดียว จะไม่มีการปรับเพิ่มระหว่างกาล หากโฟลทเพิ่มขึ้น โดยจะพิจารณาปรับน้ำหนักอีกครั้งตามรอบปกติ โดยบล.โนมูระ พัฒนสินให้ราคาเป้าหมาย 155 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ยังคงมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 154 บาทเช่นเดิม ชอบทิศทางการเติบโตในระยะยาวหลังปรับโครงสร้างคาดเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง เริ่มทยอยรับรู้ผลบวกจากการปรับโครงสร้างที่สามารถเริ่มต้นได้เร็ว คงเป้าหมายกำไรปีนี้ที่ 42,233 ล้านบาท แม้ไตรมาส 1/2565 มีกำไรสัดส่วน 24.1% ระยะสั้นมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง และธุรกิจธนาคารยังคงความระมัดระวัง
บล.บัวหลวงปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 146 บาท มาเหลือ 141 บาท โดยมาจากธุรกิจธนาคารมูลค่า 110 บาท และธุรกิจใหม่ 31 บาท คาดดีล Bitkub จะเรียบร้อยในเดือนก.ค.นี้ ไม่ใช่เดือนม.ค. จึงปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 1.3% มาเหลือ 4.04 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 14% จากปี 2564
ด้านการซื้อขายหุ้นไทยวันที่ 27 เม.ย. ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศหลายแห่ง นำโดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงแรง 809.28 จุด หรือ 2.38% ดัชนี Nasdaq ดิ่งแรง -3.95% ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลงไปลึกสุดที่ 1,655.25 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1,661.89 จุด ลดลลง -7.08 จุดหรือ -0.42% มูลค่าซื้อขายรวม 76,764.75 ล้านบาท โดย สถาบันไทยขายต่อมากถึง -3,775.03 ล้านบาท ส่วนต่างชาติซื้อจำนวน 2,303.29 ล้านบาท และนักลงทุนไทยช่วยซื้อ 1,426.18 ล้านบาท