HoonSmart.com>>บล.ดีบีเอสฯมองหุ้นปี 65 ผันผวน ข่าวร้ายท่วมตลาด กลยุทธ์หาจังหวะเข้า-ออก ชู 22 หุ้นเด่น จาก 7 ธีม เมตาเวิร์ส มาแรงทั่วโลก ไตรมาส 2 เชียร์ 8 หุ้น ราคาต่ำเป้า AOT-MINT-PTT-GPSC-ADVANC-CPALL-BEM ยกเว้น BH รอย่อ ช่วยจัดพอร์ตสินทรัพย์รวม ลงหุ้น 50% เพิ่มน้ำหนักจีน-ลดยุโรป นักวิเคราะห์จับตาเงินไหลออก ผลตอบแทนที่แท้จริงพันธบัตรสหรัฐ พลิกเป็นบวกครั้งแรก เสี่ยงต่อตลาดเกิดใหม่-ราคาโภคภัณฑ์
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์(ประเทศไทย) จัดงานสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “สู่การลงทุนเหนือชั้น ฝ่ายุค Digital-Metaverse-EV” ภายในหัวข้อ “DBS CIO Insight 2Q22 Anchor in the Storm” โดยนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2564 และยังคงเข้ามาต่อเนื่องในปี 2565 นับถึงวันที่ 19 เม.ย. มียอดซื้อสุทธิเกือบ 1.2 แสนล้านบาท แต่ต่างชาติมีโอกาสขาย
นักลงทุนรอผลการประชุมเฟดวันที่ 3-4 พ.ค. ปรับขึ้นดอกเบี้ย และลดงบดุลเร็ว คาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้ง แบ่งเป็น 0.25% รวม 5 ครั้ง และเพิ่มขึ้น 0.50% อีก 2 ครั้ง ขณะที่ไทยทรงตัวที่ 0.50% ในปีนี้ ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐกว้างขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นแรงจูงใจให้ขายหุ้นไทย ขนเงินกลับไปซื้อบอนด์ระยะสั้นในสหรัฐได้ นอกจากนี้ ดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น จะทำให้เงินดอลลาร์แข็ง ค่าเงินบาทอ่อน นักลงทุนกังวลความเสี่ยงขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ภาพ Inverted yield curve ที่เกิดขึ้น เป็นภาวะที่ไม่ปกติ อาจจะทำให้เศรษฐกิจถอยถอยได้ใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเคนรยืดเยื้อกว่าที่คาด ไทยได้รับผลกระทบจากราคาอาหาร นำเข้าปุ๋ยจากรัสเซีย 14-15% พลังงาน 3% ของการนำเข้าทั้งหมด ชาวรัสเซียท่อเที่ยวไทยติดท็อปเทน ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจโลก เศรษบกิจไทย ถูกปรับลดลง หากยืดเยื้อไปถึงครึ่งปีหลัง และคว่ำบาตรมากขึ้น การเติบโตอาจจะหายไปถึง 1%
แนวโน้มตลาดหุ้นในปีนี้ยังคงผันผวน กลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว เลือกพื้นฐาน มี 7 ธีม 22 หุ้นเด่น ธุรกิจในโลกอนาคต หรือเมตาเวิร์ส กำลังมาแรงทั่วโลก ธุรกิจที่รับประโยชน์จากยานยนต์ไฟฟ้า (EV) หุ้นกลุ่มสุขภาพ เลือก BDMS กลุ่มธนาคารและประกันที่ได้อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น BBL,KBANK, TISCO กลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว
ทิศทางตลาดหุ้นในปีนี้ยังคงยืนเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด อิง P/E 18.9 เท่า
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทได้คัดสรรหุ้นเด่นในไตรมาส 2 โดยหุ้นที่ข้องกับการท่องเที่ยวฟื้นตัว แนะนำ AOT ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 75 บาท ธุรกิจบริหารสนามบินกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว หุ้น MINT ราคาเป้าหมาย 40 บาท พลิกมีกำไรในไตรมาส 4/2564 เนื่องจากโรงแรมมีการเข้าพักมากขึ้น คาดว่าในไตรมาส 2/2565 หรือ ครึ่งปีหลัง จะมีกำไรกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
ขณะที่ PTT ราคาเป้าหมาย 57.50 บาท ลูกๆได้ดีตามราคาน้ำมัน และบริษัทมีการปรับโมเดลธุรกิจ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 และ 2566 เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% และ 15% และยังแนะนำซื้อหุ้น GPSC ราคาเป้าหมาย 90 บาท ได้รับผลดีจากอุปสงค์ไฟฟ้าฟื้นตัวและธุรกิจแบตเตอรี่รถ EV รวมทั้งยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มตามดีมานด์ลูกค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัว และปี 2565 จะมีการทยอยบุ๊กส่วนแบ่งกำไรโซลาร์ฟาร์ม Avaada ในอินเดียที่ถือหุ้น 41.6% นอกจากนี้บริษัทยังจะบันทึกกำไรขายโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น 600 ล้านบาทในไตรมาส 1 ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 500 MW และ 900 MW ในปี 2565-2566
ด้าน ADVANC ให้ราคาเป้าหมาย 250 บาท อัตราผลตอบแทนปันผลสูง ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทย ได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ TRUE-DTAC ทำให้สถานการณ์แข่งขันลดลง CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 75.25 บาท คาดกำไรปีนี้โดดเด่นโต 81% และปี 2566 โตต่ออีก 21% ขายสินค้าจำเป็น จับกลุ่มลูกค้าทุกประเภท 7-11 มีสาขา 1 หมื่นแห่ง ให้บริการร้านสะดวกซื้อ ค้าส่ง MAKRO และค้าปลีก โลตัส รายได้จากสาขาเดิมฟื้น
BH ให้ราคาเป้าหมาย 175 บาท เป็นโรงพยาบาลที่มีรายได้ต่างประเทศสูงสุดมากกว่า 50% แบ่งเป็นลูกค้าตะวันออกกลาง 23% คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1 จะเติบโต ประมาณการกำไรปี 2565 และปี 2566 จะเติบโต 113%/ 39% ตามลำดับ โดยกำไรกลับไปสู่ระดับก่อนโควิดได้ในปี 2566 แต่ราคาปรับตัวขึ้นมาแล้ว จะต้องระวัง รอย่อค่อยเข้าไปลงทุน BEM โดดเด่นจากรถไฟฟ้า-ทางด่วนฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 10 บาท แนวโน้มไตรมาส 1 ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากปริมาณการใช้ทางด่วน-รถไฟฟ้า คาดว่ารายได้ปี 65 โตดี 26%
นายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำการจัดพอร์ตว่า ให้ลงทุนในหุ้นสัดส่วน 50% เพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นจีน และลดหุ้นยุโรป ส่วนตราสารหนี้เสี่ยง จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย เน้นกลุ่ม Investment Grade ในประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนการลงทุนทางเลือก เลือกหุ้นนอกตลาดและทองคำ
นายสมนึก จันทร์รัสมี ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีหุ้นยังเป็นขาลงในระยะกลาง หากจะปรับขึ้นจะเป็นแค่การรีบาวด์ฯทางเทคนิคเท่านั้น ตลาดขาดแรงส่งในทางบวก แนวรับมีโอกาสถูกทดสอบจะอยู่ที่ระดับ 1,640 และ 1,620 จุด หรืออาจถึง 1600-1580 จุด
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า มุมมอง SET50 ตลาดยังคงมีความเสี่ยงขาลง หากยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1,010-1,015 จุดได้ ยังมีโอกาสที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแกว่งตัวลงในระยะกลาง ลงทดสอบ 960 จุด หรือต่ำกว่าได้ ต้องขึ้นไปยืนเหนือจึงจะยกเลิกมุมมองดังกล่าว
ด้านตลาดหุ้นไทยวันที่ 20 เม.ย. ดัชนีปรับตัวขึ้นตามต่างประเทศ ปิดที่ระดับ 1,680.35 จุด +4.73 จุดหรือ+0.28% มูลค่าซื้อขาย 69,123.90 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันไทยซื้อ 1,239.18 ล้านบาท และต่างชาติซื้อ 1,035.82 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 2,286.75 ล้านบาท