ดาวโจนส์ลบ 87 จุด เงินเฟ้อสูงสุดรอบ 40 ปี วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยทำศก.ชะลอ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 แห่งปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 87 จุด หลังรายงานเงินเฟ้อเดือนมี.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี นักลงทุนวิตกเฟดจะปรับนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้น อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ด้านบอนด์ยีลด์ 10 ปี ยังอยู่เหนือระดับ 2.79% ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 6% ขึ้นมายืนเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ จับตาประชุม ECB และธนาคารกลางหลายประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 12 เมษายน มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,220.36 จุด ลดลง 87.72 จุด หรือ 0.26% ด้วยแรงขายจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก หลังจากการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมีนาคมที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 40 ปี

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,397.45 จุด ลดลง 15.08 จุด, -0.34%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,371.57 จุด ลดลง 40.38 จุด, -0.30%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ยังคงอยู่ที่เหนือระดับ 2.79%

กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 8.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยและอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981
ด้านดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์สำรวจโดย Dow Jones คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และเมื่อเทียบรายปีเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 6.5%

เงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนเกรงว่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

เจอร์มี ซีเกล ศาสตราจารย์ด้านการเงินของ Wharton School กล่าวว่า เฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอย่างน้อย 0.50% ต่อการประชุมที่จะมีขึ้นหลายครั้ง เฟดต้องดึงดอกเบี้ยขึ้นมาสูงกว่า 3% หรือ 3.5% หากต้องการชะลออัตราเงินเฟ้อ และยังมองว่า เงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบสำคัญบางประการในดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ไว้

ชาร์ลี ริปลีย์ นักกลยุทธการลงทุนอาวุโสของ Allianz Investment Management ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ แต่ก็โล่งใจเมื่อองค์ประกอบบางอย่างของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอ่อนตัวลง

บิล ไพรซ์ หัวหน้าฝ่ายจัดการการลงทุนของ Commonwealth Financial Network กล่าวว่า นักลงทุนให้ความสำคัญกับสิ่งที่เฟดจะดำเนินการในการประชุมครั้งหน้า และดูเหมือนว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้นักลงทุนส่วนใหญ่เตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินการมากขึ้นในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ก็กังวลว่า นโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจทำให้เศรษฐกิจหดตัวได้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 1.1% และหุ้น Nvidia ลดลง 1.9%

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยหุ้นออกซิเดนทัล ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเดวอน เอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้น 3.7% หุ้นมาราธอนออลย์เพิ่มขึ้น 4.2% และ หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้นเกือบ 2.1%

นักลงทุนยังรอการรายงานผลการดำเนินงานที่จะเริ่มขึ้นในวันพุธ จากเจพีมอร์แกน และเดลตาแอร์ไลน์ ตามด้วยธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในวันพฤหัสบดี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ ด้วยแรงขายในกลุ่มธนาคาร และจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ รวมทั้งธนาคารกลางสหภาพยุโรป(European Central Bank:ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้

ในเยอรมนีกลุ่มธนาคารลดลง 1.5% มีรายงานว่านักลงทุนไม่เปิดเผยชื่อขายหุ้นจำนวนมากในธนาคารใหญ่ 2 แห่งคือดอยซ์แบงก์ และคอมเมิร์ซแบงก์
หุ้นดอยซ์แบงก์ ลดลง 9.4% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ลดลง 8.5%

รายงานระบุว่า มีการขายหุ้นดอยซ์แบงก์ 116 ล้านหุ้น และขายหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ 72.5 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของทั้งสองธนาคาร นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในยูเครน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.65 จุด ลดลง 1.61 จุด, -0.35%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,537.41 จุด ลดลง 18.40 จุด, -0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,576.66 จุด ลดลง 41.65 จุด, -0.55%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,124.95 จุด ลดลง 67.83 จุด, -0.48%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 6.31 ดอลลาร์ หรือ 6.7% ปิดที่ 100.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 6.16 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 104.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล