HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 87 จุด ฟื้นตัวด้วยแรงซื้อในชั่วโมงสุดท้าย ท่ามกลางความกังวลเฟดเตรียมลดขนาดงบดุล เร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 20 เซนต์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดเลบเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนยังเกาะติดสงครามในยูเครน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 7 เมษายน มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,583.57 จุด เพิ่มขึ้น 87.06 จุด หรือ 0.25% ฟื้นตัวด้วยแรงช้อนซื้อในชั่วโมงสุดท้าย หลังจากนักลงทุนรับข่าวรายงานการประชุมเชิงนโยบายครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,500.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.06 จุด, +0.43%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,897.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด, +0.06%
กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและเฮลธ์แคร์ที่จัดเป็น Defensive Stocks นำการปรับขึ้นของตลาดโดยหุ้นCostco เพิ่มขึ้นเกือบ 4% หุ้นไฟเซอร์เพิ่มขึ้น 4.3% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นโมเดอร์นา เพิ่มขึ้น 2.8%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ปรับขึ้น โดยหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 1.1% หุ้น Twitter ลดลง 5.4% หุ้น HP Inc เพิ่มขึ้นราว 15% หลังบริษัทเบิร์กไชร์ แฮทอะเวย์ของวอรเรน์ บัฟเฟต์ เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้น 121 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 4.2 พันล้านดอลลาร์
จอห์น แครี่ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุนจาก Amundi กล่าวว่า การฟื้นตัวในช่วงบ่ายเป็นผลจากจิตวิทยาของตลาด ในทางหนึ่ง ท่าทีของเฟดในด้านอัตราดอกเบี้ยดูเหมือนจะมีผลต่อหุ่น แม้การดำเนินการในเชิงรุกจะบ่งบอกถึงความจริงจังของเฟดในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และหากเฟดดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นและจัดการกับเงินเฟ้อ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีอัตราดอกเบี้ยสูง
นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อาจสูงถึง 3% หลังจากกลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ที่ 2.654% สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2019
นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับการแสดงความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ถดถอยโดยกล่าวว่าการขยายตัวของสหรัฐ “ไม่ได้ผ่านไปแล้ว’ และยังต่อเนื่องได้อีกนาน และเห็นว่าเฟดควรขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของเฟดสูงราว 3-3.25% ในครึ่งหลังของปีนี้
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคมในสัปดาห์หน้า รวมถึงจากบริษัทต่างๆ ขณะที่เริ่มฤดูกาลการรายงานผลประกอบการรายไตรมาส
กระทรวงแรงงานรายงาน การยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 5,000 ราย มาที่ระดับ 166,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน1968 และต่ำกว่า 200,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด
นักลงทุนยังเกาะติดสงครามยูเครน-รัสเซีย ขณะที่ยูเครนขออาวุธจาก NATO เพิ่มเติม และสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ก็ได้สั่งห้ามการใช้ถ่านหินของรัสเซีย ในขณะเดียวกัน วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นำโดยน้ำมันและก๊าซที่ลดลง 1.9% หลังการเผยแพร่รายงานการประชุมเดือนมีนาคมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)รวมทั้งความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ตอกย้ำว่าเฟดจะเริ่มดำเนินการตามกระบวนการในเชิงรุกมากขึ้น
นักลงทุนยังเกาะติดสงครามในยูเครน และมีรายงานว่าเชลล์ได้ประกาศว่าจะตัดทรัพย์สินที่มีมูลค่า 4- 5 พันล้านดอลลาร์หลังจากถอนตัวออกจากรัสเซีย หุ้นเชลล์ลดลง 2.1%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 455.02 จุด ลดลง 0.95 จุด, -0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,551.81 จุด ลดลง 35.89 จุด, -0.47%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,461.68 จุด ลดลง 37.15 จุด, -0.57%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,078.15 จุด ลดลง 73.54 จุด, -0.52%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 96.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 100.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล