HoonSmart.com>>ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ผนึกกำลัง บสย. ค้ำประกันให้สินเชื่อกับลูกค้าบุคคล ไม่ต้องใช้หลักประกัน ดอกเบี้ยต่ำเพียง 5.75%ในปัจจุบัน เติมทุนเศรษฐกิจฐานราก หนุนธุรกิจโลจิสติกส์ วงจรธุรกิจส่งออกแข็งแกร่ง เดินเกมเปลี่ยนประเทศไทย ดันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและเติบโตยั่งยืน “ดร.รักษ์” แนะ 5 กลยุทธ์ หนุนผู้ประกอบการโตแข็งแกร่ง
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การส่งออกเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 แต่มีปัจจัยลบกดดัน เช่น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 40% รวมถึงราคากลุ่มอื่นๆ เช่น เหล็ก ธัญพืช ทำให้เงินเฟ้อเดือนมี.ค.อยู่ที่ 5.7% สูงสุดในรอบ 13 ปี ขณะที่ความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปรียบเสมือน “มะเร็ง” ที่อาจลุกลามนำไปสู่ stagflation คือสินค้าขึ้นราคา แต่เงินในกระเป๋าลดลง ยังไม่เคยเจอในช่วงชีวิตนี้
ดังนั้น EXIM BANK ร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออก “คีโม” ยารักษา 2 ขนาน เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรมการให้สินเชื่อแก่ Supply Chain การส่งออก โดยนำ บสย. ค้ำประกันแทนหลักทรัพย์โดยสมบูรณ์และปลดล็อกให้ “บุคคล” สามารถกู้เงินทำธุรกิจได้เป็นครั้งแรก และเติมเต็มสภาพคล่องให้แก่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ มีเงื่อนไขให้ชะลอการปรับขึ้นค่าบริการ กระตุ้นการส่งออกของไทยท่ามกลางปัจจัยท้าทายในปัจจุบัน
“สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อซัพพลายเออร์ส่งออก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย Prime Rate (เท่ากับ 5.75% ต่อปี ณ ปัจจุบัน) ตลอดอายุโครงการ 5 ปี ใช้เพียงหนังสือค้ำประกัน บสย. ร่วมกับผู้บริหารหลัก และ/หรือนิติบุคคลค้ำประกัน พิเศษ! ลดดอกเบี้ยอีก 0.75 % ในปีแรก สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือมีเอกสารรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามที่ธนาคารกำหนด”
ส่วนสินเชื่อ EXIM Logistics วงเงินกู้สูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย คลีนโลน อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 5.0% ต่อปีในปีแรก สำหรับวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้เพียงหนังสือค้ำประกัน บสย. ร่วมกับบุคคลหรือนิติบุคคลค้ำประกันเท่านั้น พิเศษ! ลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ใน 2 ปีแรกสำหรับผู้เข้าร่วมงานและลงทะเบียนในกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK หรืออยู่ในสมาคมหรือเป็นสมาชิกตามที่ธนาคารกำหนด
ผู้สนใจสามารถขอรับบริการได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 มี.ค. 2566 สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 พิเศษ! หากขอสินเชื่อภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2565 รับส่วนลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปีในปีแรก ค่าธรรมเนียม Front-end Fee รวมลดเหลือเพียง 1% จากเดิม 2% กรณีใช้ บสย. ค้ำประกันร่วม เพื่อลดภาระผู้ประกอบการเพิ่มเติม
” EXIM BANK เคยเป็นธนาคารที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ให้สินเชื่อบุคคลได้ เพราะมีบสย.มาช่วยอมยาพิษ ค้ำประกันแทน ไม่ต้องนำที่ดิน หรือทรัพย์สินมาค้ำ ส่วนดอกเบี้ยที่เคยเจอ 12% ตอนนี้ได้ต่ำมาก 5.75 % นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของกระทรวงการคลังและประเทศไทยที่ EXIM BANK กับ บสย.ทำโคมาร์เก็ตติ้งร่วมกัน โดย EXIM BANK มี 9 สาขา บสย.มี 11 สาขา รวม 20 สาขา ซึ่งทั้งสองหน่วยงานอยู่ระหว่างพัฒนาเครื่องมือในการประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring) และส่งต่อลูกค้าระหว่างกัน (Referral) เพื่อให้สามารถบริการแก่ผู้ประกอบการได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยและต่อยอดการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน”
ดร.รักษ์ แนะนำผู้ประกอบการให้ปรับตัว 5 ด้าน เพื่อผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ได้แก่ 1. ปรับการใช้หรือพึ่งพาวัตถุดิบในประเทศมากขึ้น แทนต่างประเทศ 2.Smart manufacturing การผลิตเพิ่มการใช้เครื่องจักร แทนคน สามารถมาขอสินเชื่อปรับปรุงระบบการผลิต วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% 3. เลิกใช้ช่องทางการส่งออกแบบเดิม ทางเรือหรือทางอากาศ หันมาส่งออกทางรถแทน เพราะหลายประเทศเปิดประตูแล้ว เช่น จีน ลาว 4. ทำอีคอมเมิร์ซ ขายสินค้าเน้นออนไลน์มากขึ้นมาร่วมออกร้านกับแบงก์ ตอนนี้มีอาลีบาบา เพิ่มAmazon 5. สินค้าและบริการจะต้องมีอัตลักษณ์และสอดรับกับเมกะเทรนด์ยุคใหม่ อาทิ การใส่ใจสิ่งแวดล้อม เซ็กซี่มากขึ้น เลิกเป็น โอท็อป แบบเดิม ที่สำคัญการทำธุรกิจในสถานการณ์นี้ ต้องพยายามหาแผน 2 เตรียมไว้ หากแผน1 ไปไม่ได้ จะได้มีทางออก
ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า บสย. พร้อมจับมือพันธมิตรเพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจส่งออก และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมีวงเงินค้ำประกันรวม 94,000 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 (PGS 9) ประกอบด้วย 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ บสย. SMEs นำเข้า-ส่งออก วงเงิน 1,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี โครงการ บสย. SMEs เติมเต็มรายย่อย วงเงิน 8,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี และโครงการ บสย. SMEs ดีแน่นอน วงเงิน 85,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปี
สำหรับวงเงินค้ำประกันจำนวน 94,000 ล้านบาทจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบอย่างน้อย 116,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้จำนวน 20,600 ราย และยังช่วยรักษาการจ้างงานในระบบกว่า 600,000 ตำแหน่ง ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 พ.ย. 2565