HoonSmart.com>>”เจดีฟู้ด” ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร ซอส ไส้ขนม อาหารอบแห้ง ขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ และซุปกึ่งสำเร็จรูป พร้อมเข้าซื้อขายใน SET 7 เม.ย. นี้ ขาย IPO ที่ 2.60 บาท คิดเป็น P/E 25.78 เท่า ผลงานปี 64 กำไรสุทธิ 45.39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 57.20 ล้านบาท แผนปี65 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 25% ด้าน 6 นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 3.47-4.20 บาท/หุ้น
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท เจดีฟู้ด (JDF) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ในวันที่ 7 เม.ย. 2565
JDF มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ขาย IPO ราคาหุ้นละ 2.60 บาท P/E 25.78 เท่า และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,560 ล้านบาท
นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดีฟู้ด (JDF) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารกว่า 30 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของลูกค้าในธุรกิจอาหาร ร้านอาหารยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงธุรกิจ SMEs กว่า 300 ราย โดยบริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์อาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้ตรงความต้องการและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งได้พัฒนามาแล้วกว่า 2,000 รสชาติ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการทำธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมรองรับโอกาสการเติบโต มีโรงงานแห่งใหม่ตามมาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาสูตรและผู้ผลิตเครื่องปรุงรสชั้นนำของประเทศ
บริษัทระดมทุน 390 ล้านบาทและการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงิน และขีดความสามารถขยายธุรกิจ ปัจจุบันได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ กลุ่มแป้งชุบแป้งทอดสำเร็จรูป Better Mix ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยนวัตกรรมทางอาหาร ได้แก่ สินค้าผักและผลไม้อบแห้งรองรับตลาดขนมขบเคี้ยวสาย Healthy Food ที่ใช้เทคโนโลยีการอบ 100% และ อาหารโปรตีนจากพืช (Plant base) รวมถึงต่อยอดกลุ่มสินค้าอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่เป็นแบรนด์ของบริษัท โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิ 45.39 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 57.20 ล้านบาทหรือ 0.17 บาทต่อหุ้น
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ JDF กล่าวว่า ในปี 65 ธุรกิจอาหารจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะเป็นปีที่ JDF สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ นอกจากมีกำลังการผลิตที่รองรับโอกาสในอนาคตไว้แล้ว จะสนับสนุนแผนการขยายตลาดใหม่ๆ และสามารถรับรู้เป็นรายได้ทันที
จุดแข็งของ JDF คือเป็นหุ้น Food Technology มีทีมวิจัยคิดและพัฒนาสูตรเฉพาะร่วมกับลูกค้า ดังนั้นลูกค้าจะมีคำสั่งซื้อในระยะยาว เพื่อคงรสชาติของสินค้าไม่ให้เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสมีความจำเป็นสำหรับธุรกิจ Food chain เพื่อควบคุมรสชาติของอาหารให้เหมือนกันในทุกสาขา
ขณะที่ บทวิเคราะห์จาก 6 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น JDF เฉลี่ยที่ 3.47-4.20 บาท/หุ้น
บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ผลประกอบการของ JDF ในปี 2565 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง สาเหตุหลักจากเครื่องปรุงรสอาหารที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารจากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอังกฤษ จะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ได้มากขึ้น กำลังซื้อจากลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กลับมาหลังการเปิดเมือง รวมถึงการเข้าสู่ตลาดใหม่โดยเพิ่มสายการผลิต ผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งชุบทอดสำเร็จรูป Better Mix และธุรกิจ B2C มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่ ม.ค.2565 ภายใต้ตราสินค้า “GOOD EATS” ซึ่งเป็นซุปผงสำเร็จรูปไม่ใส่ผงชูรส วางจำหน่ายผ่านช่องทาง Online และ Modern Trade รวมทั้งการขยายตลาดสู่ CLMV โดยราคาประเมินเหมาะสมปี 2565 อยู่ที่ราคา 4.20 บาทต่อหุ้น