HoonSmart.com>>”แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์” เตรียมส่งบริษัทที่ทำธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรกว่า 30 ปี เข้าตลาดหุ้นปี 67 คาดมาร์เก็ตแคป 3 พันล้านบาท เป้ารายได้ 5 ปีโตเฉลี่ย 22% แตะ 2.3 พันล้านบาทปี 69 ขยายกลุ่มลูกค้านอกกลุ่ม LPN จาก 28% เป็น 45%
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) และกรรมการบริษัท บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ (LPP) เปิดเผยว่า LPN วางแผนจะส่งบริษัท LPP เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2567 หลังเห็นโอกาสทางธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของ LPP ให้ครอบคลุมทุกงานบริการ
“LPP จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ประมาณ 3,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้ LPN มีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นจาก 7,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 เป็น 1 หมื่นล้านบาทในปี 2567 “นายอภิชาติกล่าว
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPP กล่าวว่า LPP มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจการบริหารจัดการอาคารมาถึง 30 ปี วางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจให้บริการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร โดยจะมีรายได้รวม 2,300 ล้านบาทในปี 2569 เติบโตก้าวกระโดดกว่า 200 % หรือเฉลี่ย 22 % ต่อปีจากระดับ 857 ล้านบาทในปี 2564 สูงกว่าการเติบโตของตลาดธุรกิจบริการที่เติบโตเฉลี่ยกว่า 10% ต่อปี
จากผลการศึกษาของบริษัทพบว่าตลาดการให้บริการบริหารจัดการอาคารทั่วประเทศจะมีมูลค่าตลาดรวมไม่น้อยกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปี 2565 รวมถึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงานและอาคารในเชิงพาณิชย์ เฉลี่ยปีละ 3-4 แสนล้านบาท/ปี ซึ่งจะขับเคลื่อนให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการอาคารมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย จึงเป็นโอกาสของ LPP ในการรุกและขยายตลาด การขยายธุรกิจและขอบเขตการให้บริการที่ครบวงจร พร้อมทั้งสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค ทั้งงานด้านวิศวกรรม งานซ่อมบำรุงอาคาร บริการงานสวน บริการกำจัดแมลง การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมไปถึงการวางโครงสร้างบริหารโครงการในรูปแบบของแฟรนไชส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ LPP ได้เปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ (LSS) ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพนอกเหนือจากการใช้พนักงานรักษาความปลอดภัยเว้นมาเสริมการบริการเพิ่มเติมให้กับการบริหารจัดการอาคารครบวงจรของ LPP ส่วนโครงสร้างธุรกิจในส่วนของการบริหารจัดการโครงการใหม่จากที่เคยมุ่งเน้นบริหารโครงการให้กับ LPN เป็นหลัก จะขยายไปสู่การบริหารจัดการอาคารให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆให้มากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 28% เป็น 45%
นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ LPP กล่าวว่า ปัจจุบัน LPP มีลูกค้ากว่า 200 โครงการ 160,000 ครอบครัว และผู้พักอาศัยจำนวนกว่า 300,000 คน ไม่รวมงานบริการด้านอื่นๆที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน LPP ยังมอบบริการพิเศษในการเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการภายใต้การบริหารจัดการของ LPP โดยขยายธุรกิจสู่บริการบนแพลตฟอร์มค้าออนไลน์ในชุมชน (Community Commerce) ภายใต้ชื่อ “Living24 Store” ให้เป็นช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำกว่าท้องตลาด และสะดวกในการจับจ่ายตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่เน้นความสะดวกสบายคล่องตัว อันถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการบริหารจัดการโครงการ โดยบริษัทได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายราย ในการนำเสนอสินค้าและมอบส่วนลดราคาพิเศษสำหรับจำหน่ายบน Living24 Store