ดาวโจนส์ปิดบวก 94 จุด รอข้อมูลจ้างงาน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 94 จุด แรงซื้อกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนจับตารายงานข้อมูลจ้างงาน ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง 7% ราคา WTI ปิดที่ 105.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังเซี่ยงไฮ้ล็อกดาวน์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 28 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,955.89 จุด เพิ่มขึ้น 94.65 จุด หรือ 0.27% จากแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจหลักที่อาจจะช่วยให้ธนาคารกลาง (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกได้มากขึ้น จึงคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,575.52 จุด เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, +0.71%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,354.90 จุด เพิ่มขึ้น 185.60 จุด, +1.31%

หุ้นเทสลานำการปรับขึ้นในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี หลังจากประกาศจะแตกหุ้นเพื่อจ่ายหุ้นปันผล เทสลาเพิ่มขึ้น 8% หุ้นแอมะซอนเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่แห่งแรกที่ฟื้นจากการร่วงลงในปีนี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% มาที่ระดับราคา 3,379.81 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นแอปเปิลปรับขึ้นเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันสร้างสถิติการปรับขึ้นยาวที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 โดยเพิ่มขึ้น 0.5%

ในช่วงแรกตลาดอ่อนตัวลง หลังตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ Inverted Yield Curve อยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.6361% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีลดลงสู่ระดับ 2.6004% ส่วนต่างเมื่อปิดตลาดจึงติดลบ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีต่ำกว่าอายุ 5 ปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีนาคม 2006

แต่ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีและ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนหลักที่นักลงทุนจับตายังคงเป็นบวก

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 0.74% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.65% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.43% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ลดลง 1.43%

นักลงทุนเริ่มรับข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ส่งสัญญาณว่า อาจจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เพื่อคุมเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะเผยแพร่อาจหนุนการคาดการณ์ว่าเฟดอาจเดินหน้าด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.50%

ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนมีนาคมที่สำคัญทั้งหมด เป็นไฮไลท์ของข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ยิ่งกว่านั้น ตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลดีต่อครัวเรือนในสหรัฐฯ ตำแหน่งงานที่เปิดรับในวงกว้างทำให้มีพื้นที่ที่จะยกระดับแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ ผลักดันค่าจ้างให้สูงขึ้นและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อไป

ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯมีกำหนดเผยแพร่ ในวันศุกร์ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 490,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 678,000 รายและอัตราการว่างงาน 3.8%

อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญคือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) รายเดือนในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเร็วแค่ไหน นักวิเคราะห์คาดว่า PCE จะเพิ่มขึ้นอีก 0.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนี Core PCE ซึ่งเฟดใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5

นักลงทุนยังคงเกาะติดสงครามของรัสเซียกับยูเครน การเจรจาสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศกำหนดอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนจากทั้งสองประเทศจะเดินทางไปยังตุรกีในวันจันทร์นี้

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง จากราคาน้ำมันที่ร่วง หลังเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางด้านการเงินของจีนประกาศล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดล 2.81% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.74%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ในยูเครน และการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าว่า พร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับการยอมรับสถานะเป็นกลางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์ เพื่อประเมินแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด, +0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.14 จุด ลดลง 10.21 จุด, -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,589.11 จุด เพิ่มขึ้น 35.43 จุด, +0.54%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,417.37 จุด เพิ่มขึ้น 111.61 จุด, +0.78%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 7.94 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 105.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 8.17 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปิดที่ 112.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล