ดาวโจนส์ปิดบวก 349 จุด ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบ 53 ปี

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว ดัชนีดาวโจนส์บวก 349 จุด หลังข้อมูลการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง เชื่อมั่นต่อฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 2% ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลบเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 24 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,707.94 จุด เพิ่มขึ้น 349.44 จุด หรือ 1.02% ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงไปเมื่อวานนี้หลังจากข้อมูลการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง ทำให้เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,520.16 จุด เพิ่มขึ้น 63.92 จุด, +1.43%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,191.84 จุด เพิ่มขึ้น 269.23 จุด, +1.93%

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งรวมถึงหุ้นชิปและวัสดุ นำการเพิ่มขึ้น โดยหุ้นNvidia เพิ่มขึ้น 9.8% หุ้น Intel เพิ่ม 6.9% และหุ้น AMD เพิ่มขึ้น 5.8%

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้นักลงทุนบางส่วนมั่นใจว่าเศรษฐกิจ จะเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางความท้าทาย เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยกระทรวงแรงงานรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 187,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1969 ต่ำกว่า 212,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมีนาคมอยู่ที่ 58.5 สูงสุดในรอบ 6 เดือน จาก 57.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 58.9 สูงสุดในรอบ 8 เดือน จาก 56.5

นักลงทุนยังเกาะติดสงครามรัสเซียกับยูเครนและกำลังปรับตัวรับแผนการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดของธนาคารกลาง(เฟด)

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย “อย่างทันท่วงที” ในปีนี้และในปี 2022 เพื่อลดเงินเฟ้อที่สูง อย่างไรก็ตามเตือนว่า เฟดควรระมัดระวังในการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวด และใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานและผลกระทบของสงครามของรัสเซียในยูเครนที่มีต่อเศรษฐกิจ

ในมุมมองของนายอีแวนส์ ควรจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในแต่ละการประชุมนโยบายของปีนี้ และจนถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป หรืออาจจะขึ้น 0.50%ได้
สหรัฐฯ จะขยายการคว่ำบาตรรัสเซียโดยมุ่งเป้าไปที่สมาชิกรัฐสภาของประเทศและทุนสำรองทองคำของธนาคารกลาง ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี

กระทรวงพาณิชย์รายงาน สหรัฐฯขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 217.9 พันล้านดอลลาร์ใน ไตรมาส 4 ลดลง 0.9% และต่ำกว่า 218.0 พันล้านดอลลาร์ ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ทั้งปี 2564 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น 33.4% จำนวน 821.6 พันล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2008 คิดเป็น 3.6% ของ GDP

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 1.4% แต่กลุ่มโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น 1% นักลงทุนกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังข้อมูลเศรษฐกิจชะลอตัวและ ในขณะที่ยังจับตาสถานการณ์ในยูเครนและการประชุมสำคัญของผู้นำ NATO, EU และ G-7 ในกรุงบรัสเซลส์

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)โดยรวมเบื้องต้นยูโรโซนเดือนมีนาคมอยู่ที่ 54.5 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 55.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่สูงกว่า 53.9 ที่นักวิเคราห์คาด

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 54.8 ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จาก 55.5 ในเดือนกุมภาพันธ์
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 57.0 ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ลดลงจาก 58.2 ในเดือนกุมภาพันธ์

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด, +0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,555.77 จุด ลดลง 25.66 จุด, -0.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,273.79 จุด ลดลง 9.86 จุด, -0.07%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 112.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.57 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 119.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล