ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 518 จุด เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวก ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 518 จุด หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 พร้อมขึ้นอีก 6 ครั้งในปีนี้ ลดขนาดงบดุลในการประชุมครั้งต่อไป ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้ออยู่ที่ 4.3% ด้านการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนคืบหน้า ราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 1% ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นกว่า 3%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,063.10 จุด เพิ่มขึ้น 518.76 จุด หรือ 1.55% หลังจากธนาคารกลาง (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 และจะปรับขึ้นอีก 6 ครั้งในปีนี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,357.86 จุด เพิ่มขึ้น 95.41 จุด, + 2.24%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,436.55 จุด เพิ่มขึ้น 487.93 จุด, +3.77%

ตลาดเริ่มต้นซื้อขายในแดนบวกหลังสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า การเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีความคืบหน้า แต่ดัชนีดาวโจนส์ตกลงหลังจากแถลงการณ์ของเฟด ก่อนที่ปรับตัวเป็นบวกในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งสนับสนุนท่าทีเชิงรุกของเฟด เพราะเชื่อว่าจะหนุนเศรษฐกิจในระยะยาวโดยจะทำให้เงินเฟ้อลดลง

เฟดประกาศหลังการประชุมที่ใช้เวลา 2 วันในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% และคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย fed fund rate อย่างเป็นเอกฉันท์ที่ 1.9% ภายในสิ้นปี

ซึ่งหมายความว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางแต่ละครั้งที่เหลือในปีนี้

เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเงินเฟ้อคาดการณ์ในปี 2023-2024 ขึ้นมาที่ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า “เศรษฐกิจแข็งแกร่งมาก” ที่จะรองรับนโยบายที่เข้มงวดขึ้น และความน่าจะเป็นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย “ไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ”

เฟดจะเริ่มลดขนาดงบดุลมูลค่า 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ใน “การประชุมครั้งต่อไป” แต่ไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม นายพาวเวลล์กล่าวว่า คณะกรรมการมีความคืบหน้าในสัปดาห์นี้ในการเดินตามแผนและอาจอยู่ในสถานะที่จะเริ่มกระบวนการในการประชุมเดือนพฤษภาคม

เดวิด เคลลี หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ JPMorgan Asset Management ให้สัมภาษณ์รายการ Power Lunch ของ CNBC ว่า “เป็นการดำเนินการในเชิงรุกอย่างมาก แต่ก็ต้องการให้เฟดรักษาความยืดหยุ่นไว้บ้าง ในระยะยาว เราต้องให้อัตราดอกเบี้ยจริงกลับสู่ระดับที่เป็นบวก แต่มีความไม่แน่นอนอยู่อีกมาก อย่าลืมว่าเรามีสินทรัพย์ทางการเงินจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก เพราะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยมาที่ระดับปกติในชั่วข้ามคืน โดยที่คาดว่าจะไม่มีอะไรเลวร้าย เกิดขึ้น”

ไมค์ โลเวนการ์ท กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน E*Trade ของMorgan Stanley กล่าวว่า ในที่สุดเฟดก็ทำให้เป็นทางการ ซึ่งไม่แปลกใจเลย การขึ้น
อัตราดอกเบี้ยของเฟดหมายถึงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับนโยบายที่เข้มงวดขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.24% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019

หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นขานรับเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยหุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ เพิ่มขึ้น 6.3% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 4.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 3.11% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.0% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 2.9%

นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน กล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่าเป็น “อาชญากรสงคราม”

หลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน โฆษกรัสเซียกล่าวว่า ยูเครนที่มีความเป็นกลางและมีกองทัพเป็นของตัวเอง อาจเป็นแนวทางที่ประนีประนอมกันได้ภายใต้วิกฤติขณะนี้ ขณะที่ยูเครนกล่าวว่าต้องมีการรับประกันความมั่นคง ไม่ว่าจะผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียนายเซอร์เก้ ลาฟโรฟ กล่าวกับบีบีซี ว่า “มีความหวังที่จะประนีประนอม”

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 4.0% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 3.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 6.0% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.9%

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง โดยหุ้นเชฟรอน ลดลง 0.3% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.4%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 6.5% นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีความคืบหน้า ขณะที่รอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะออกมาหลังตลาดปิด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 448.45 จุด เพิ่มขึ้น 13.33 จุด, +3.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,291.68 จุด เพิ่มขึ้น 115.98 จุด, +1.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,588.64 จุด เพิ่มขึ้น 233.64 จุด, +3.68%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,440.74 จุด เพิ่มขึ้น 523.47 จุด, +3.76%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 95ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 98.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล