HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 3.06 จุด จาก Sentiment เป็นลบหลังการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไม่มีความคืบหน้า ทำให้สงครามส่อเค้ายืดเยื้อ ส่งราคาน้ำมันผันผวนแต่ยืนเหนือ 100 เหรียญ/บาร์เรล ด้าน ECB ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตร ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่ง 7.9% ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ทำให้ SET เหมาะสมอยู่ที่ 1620-1,650 จุด จุดเข้าสะสมควรต่ำกว่าราว 5%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 11 มี.ค.2565 ปรับตัวลง ณ เวลา 9.57 น. อยู่ที่ระดับ 1,644.02 จุด ลดลง 3.06 จุด หรือ -0.19% มูลค่าซื้อขาย 1,631.07 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองตลาดหุ้นปรับตัวลงทดสอบ 1,630 +/- จุด จาก Sentiment ที่พลิกเป็นลบหลังการเจรจาระหว่างรมว.ต่างประเทศรัสเซียและยูเครนล้มเหลว ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงหรือกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศได้ สงครามส่อเค้ายืดเยื้อ ราคาน้ำมันผันผวนแต่ยืนเหนือ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้
ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในโครงการ Pandemic Emergency Purchase Program วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรสิ้นเดือนนี้ และทยอยลดการซื้อพันธบัตรโครงการ APP ตั้งแต่ เม.ย. ไปจนสิ้นสุดในไตรมาส 3/65 ยุติเร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้านี้ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.พ. พุ่ง 7.9% Y-Y เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ทองคำปรับขึ้น ค่าเงินดอลลาร์และเยนแข็ง หุ้นโลกปรับลง เรายังมองเหมือนเดิม หากราคาน้ำมันยืนเหนือ 100เหรียญฯ ต่อบาร์เรลตลอดปี EPS เสี่ยงถูกปรับลงเป็น 85+/- บาท ซึ่งจะทำให้ SET ที่เหมาะสมอยู่ที่ 1620-1,650 จุด จุดเข้าสะสมควรต่ำกว่านั้นราว 5%
กลยุทธ์ เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic & defensive plays ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
บล.เคทีบีเอสที มองดัชนีฯ มีโอกาสอ่อนตัวลง นักลงทุนกลับมาอยู่ในโหมดของการรอคอยหลังการเจรจารัสเซีย-ยูเครน ล้มเหลว ทั้ง 2 ฝ่ายยังหาข้อยุติกันไม่ได้ สงครามที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นตัวเร่งให้เกิดเงินเฟ้อ ธนาคารกลางต่าง ๆ เริ่มดึงเรื่องนี้เข้ามาเป็นส่วนในการตัดสินใจ สัปดาห์หน้าจะเป็นของเฟด เงินเฟ้อที่พุ่ง 7.9%(คาด 7.8%) ทำให้สินทรัพย์ที่อิงดอกเบี้ย อาทิ พันธบัตร ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ จะมีความผันผวนมากขึ้น การเข้าเก็งกำไรในราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก จะลดลง หลังกองทุน hedge Fund ทยอยปิด Position เพื่อลดความเสี่ยง
ส่วนมาตรการที่ สธ.เสนอให้มีการปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยอาจจะมีนัยยะเป็นการประเทศอย่างเต็มตัว คาดว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะเริ่มมีการฟื้นตัว ดีต่อ AOT, CENTEL, CRC
ทางกลยุทธ์แทบจะไว้ใจตลาดในช่วงนี้ไม่ได้เลย เพราะรัสเซียยังมีท่าทีที่แข็งกร้าว กดดันต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตลาดสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ แต่ดูเหมือนการปรับพอร์ตของนักลงทุนส่วนใหญ่ใกล้จบแล้ว จุดต่ำสุดของตลาดอาจผ่านไปแล้วด้วย จุดสำคัญที่ตลาดอาจถูกเทขาย(ถ้ามี) คือ เมื่อสงครามทำท่าจะบานปลายโดยมีชาติอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน และคาดว่าไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้ ยังเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก อาทิ KCE, IVL, CPF, SCGP
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
BDMS อยู่ที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +2.00% มูลค่าซื้อขาย 121.84 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 11.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.88% มูลค่าซื้อขาย 115.89 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 155.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.96% มูลค่าซื้อขาย 109.64 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 145.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.68% มูลค่าซื้อขาย 97.51 ล้านบาท
ADVANC อยู่ที่ 234.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +1.30% มูลค่าซื้อขาย 74.16 ล้านบาท