HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง ดัชนีดาวโจนส์ทรุด 797 จุด นักลงทุนวิตกราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กระทบเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อสูงขึ้น ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 3% ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 7 มีนาคม 2565 ปิดที่ 32,817.38 จุด ร่วงลง 797.42 จุด หรือ 2.37% ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ นักลงทุนกังวลมากขึ้นว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,201.09 จุด ลดลง 127.78 จุด, -2.95%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,830.96 จุด ลดลง 482.48 จุด, -3.62%
ในวันอาทิตย์ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นไปถึง 139.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 ส่วนราคาน้้ำมันดิบ West Texas intermediate เพิ่มขึ้นไปถึง 130.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 3.72 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 119.4ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 123.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2012
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์สเพิ่มขึ้น 4.7% หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเอ็กซอนโมบิลเพิ่มขึ้น 3.6%
ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวและชาติต่างๆ ในยุโรปพิจารณาการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซีย แต่จากข้อมูลของ EIA สหรัฐฯ นำเข้าพลังงานจากรัสเซียเพียง 7.9% ของการนำเข้าปิโตรเลียมทั้งหมดรวมถึงน้ำมันดิบในปี 2021 อย่างไรก็ตาม การห้ามนำเข้าอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศในยุโรปที่พึ่งพาน้ำมันดิบของรัสเซียและก๊าซธรรมชาติมากกว่า
สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด ทำให้นักลงทุนเกาะติดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการชะงักของการจัดหาพลังงานทั่วโลก และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลกและอุปทานของสินค้าสำคัญ ทำให้วิตกว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
“ด้วยเหตุนี้ ‘stagflation'(ภาวะเงินเฟ้อสูง การว่างงานสูง และเศรษฐกิจตกต่ำ) จึงเป็นประเด็นหลักของการลงทุน” จิม พอลเสน นักวิเคราะห์ของ Leuthold Group กล่าว “การเตรียมพร้อมรับการเติบโตที่ชะลอตัวลงและอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูง ทำให้นักลงทุนวิตกและเทขาย
ยาน แฮทซิอุส นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซีย และการตอบโต้ของตะวันตก จะยิ่งซ้ำเติมความไม่สมดุลของอุปสงค์-อุปทาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก และชี้ว่ารัสเซียมีส่วนในการค้าสินค้าและ GDP โลกไม่ถึง 2% แต่ส่งน้ำมัน 11% และส่งก๊าซ 17% ของการบริโภคทั่วโลก และมากถึง 40% ของการบริโภคในยุโรปตะวันตก
ในกรณีที่ฝั่งตะวันตกจะลดซื้อน้ำมันรัสเซีย จีนและอินเดียอาจจะหันมาซื้อน้ำมันรัสเซียแทน และลดการซื้อนำมันจากซาอุดิอาระเบียและจากที่อื่น ซึ่งจะทำให้น้ำมันจากซาอุดิอาระเบียและจากที่อื่น ไหลไปฝั่งตะวันตก แต่ภาพนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย เพราะนอกจากค่าขนส่งที่สูงขึ้นแล้วยังมีประเด็นเชิงเทคนิคอีกมาก และจีนกับอินเดียก็ไม่แน่ว่าจะเพิ่มการนำเข้าน้ำมันและจ่ายเงินเพิ่ม ในช่วงเวลาที่รัสเซียจัดว่าเป็นประเทศนอกคอกของโลก
ปลายสัปดาห์นี้ สำนักสถิติแรงงานจะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ปี 1982 และจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นล่าสุดในเดือนนี้ เงินเฟ้อน่าจะสูงขึ้นได้อีก
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตช้าจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนเศรษฐกิจของยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และ GDP ของรัสเซียจะลดลงในอัตราเลขสองหลักท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะขยายตัว 3.2% ลดลง 0.3% จากที่ประมาณการในเดือนกุมภาพันธ์
หุ้นธนาคารลดลงมากสุด โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 1.8%เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
หุ้นแมคโดนัลด์ หุ้นสตาร์บัคส์ และหุ้นไนกี้ ร่วงลงจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมันว่าจะกระทบการบริโภค
หุ้นBed Bath & Beyond พุ่งขึ้น 34.2% หลังจาก Ryan Cohen ประธาน GameStop เปิดเผยว่า ได้เข้าถือหุ้นเกือบ 10% ผ่าน RC Ventures บริษัทการลงทุน
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์ที่ต่างลดลงกว่า 3% หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯและยุโรปจะพิจารณาห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทำให้วิตกว่าจะส่งผลให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่ตลาดฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดหลังราคาน้ำมันอ่อนตัวลงและจากรายงานว่ารัสเซียกับยูเครนจะนัดเจรจารอบที่สาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.13 จุด ลดลง 4.65 จุด, -1.10%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,959.48 จุด ลดลง 27.66 จุด, -0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,982.27 จุด ลดลง 79.39 จุด, -1.31%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,834.65 จุด ลดลง 259.89 จุด, -1.98%