บล.เออีซี (AECS) ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,665-1,706 จุด สงครามการค้าโลกยังกดบรรยากาศลงทุน จับตาประชุมสุดยอดผู้นำของสหรัฐฯ-จีน ในเดือน พ.ย. ซึ่งมาตรการดังกล่าวคาดจะมีผลส่งผ่านไปยังอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ กดดันเฟดมีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น แนะนักลงทุนสะสมหุ้นพื้นฐานดี
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Technical View สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงแรง 31 จุด ซึ่งเรายังคงมองว่าดัชนีจะลงต่อ โดยให้ระวังแรงขายตรงแนวต้าน EMA 200 วัน ที่ 1,706 จุด และต้องจับตาแนวรับ Previous Low ที่ 1,665 จุด หากหลุดดัชนีจะทำ Price Pattern แบบ Double Top ซึ่งจะทำให้ดัชนีมีโอกาสลงลึกอีกครั้ง
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงมุมมองเชิงระมัดระวังต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความไม่แน่นอนของปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลักที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น คือ จีน,แคนาดา,ญี่ปุ่น และยุโรป โดยเฉพาะข้อพิพาทกับจีนที่อยู่ระหว่างเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าครั้งใหม่มูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เน้นสินค้าขั้นกลางที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งผ่านการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนไปแล้ว และมีกระแสข่าวว่าจะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนเพิ่มขึ้นอีก 2.7 แสนล้านดอลลาร์ โดยหากมีการบังคับใช้จริง จะทำให้มูลค่าสินค้าที่ถูกจัดเก็บภาษีของจีนเข้าใกล้ยอดส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ ในปี 2560 จีนส่งสินค้าไปสหรัฐฯ 6.6 แสนล้านดอลาร์
นอกจากนี้ล่าสุดตัวเลขขาดดุลการค้าจีนของสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สวนทางกับเป้าหมายลดขาดดุลของสหรัฐฯ คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สหรัฐฯ ยกระดับความเข้มงวดของมาตรการดังกล่าวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลลบต่อบรรยากาศในการเจรจาระหว่างสุดยอดผู้นำของสหรัฐฯ-จีนที่มีแผนจะจัดประชุมสุดยอดผู้นำในเดือน พ.ย. อีกทั้งมาตรการดังกล่าวคาดจะมีผลส่งผ่านไปยังอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ กดดันให้เฟดมีโอกาสเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ ช่วงสั้นแนะนำลดพอร์ตการลงทุนออกมาก่อน หรือivสะสมหุ้นพื้นฐานดีและราคาลงมาลึกล่วงหน้าแล้วทำให้มูลค่าถูกเมื่อเทียบกับกลุ่ม เช่น BR โดย Bloomberg Consensus คาดFwd PE ปี 62 ที่ 9.0 เท่า ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มสัตว์ ได้แก่ CPF (Fwd PE ปี 62 ที่ 18.8 เท่า), GFPT (Fwd PE ปี62 ที่ 13.5 เท่า), TFG (Fwd PE ปี 62 ที่ 14.8 เท่า) และTU (Fwd PE ปี 62 ที่ 14.7 เท่า)
ส่วนในทางเทคนิคสำหรับนักเก็งกำไรและนักลงทุน เน้นลดพอร์ตถือเงินสด เพื่อรอจังหวะเข้าเก็งกำไร หรือสะสมรอบใหม่ หากดัชนีสามารถยืนแนวรับได้ โดยกลุ่มที่คาด Outperform ตลาด สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ได้แก่ SAWAD กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ TFG, CPF