HoonSmart.com>>GSTEEL-GJS” พลิกกำไรทะลัก ปี 2564 ได้อานิสงส์ราคาเหล็กพุ่ง ดันรายได้โต กำไรทั้งกลุ่มกว่า 4,500 ล้านบาท แนวโน้มสดใสราคาเหล็กทรงตัวระดับสูง ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดฮวบ “นิปปอน สตีล” เสริมแกร่งการผลิต
บริษัทจีสตีล (GSTEEL) รายงานผลประกอบการปี 2564 กำไรสุทธิ 1,325.11 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท เติบโต 1,924.87 ล้านบาท หรือ 320.94% เทียบช่วงเดียวกันปี 2563 ขาดทุน 600 ล้านบาท
ส่วนบริษัท จีเจสตีล ( GJS) แจ้งกำไรสุทธิ 3,178.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.125 บาท เพิ่มขึ้น 3,783.42 ล้านบาท หรือ 625% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 605.25 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากรวมทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว มีกำไรรวมกัน 4,503.28 ล้านบาท
GSTEEL ชี้แจงสาเหตุ กำไรดีขึ้น มาจาก รายได้ขายและบริการ 15,814 ล้านบาท เติบโต 6,500 ล้านบาท หรือ 70% มาจากราคาเหล็ก 10,581 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 66% ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 15 พันตัน หรือ 3% เทียบปี 2563
กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2,751 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างดีนัยสำคัญ จากปี 2563 ที่มีกำไรขั้นต้นเพียง 11 ล้านบาท ซึ่งมาจาก ราคา ปริมาณขาย และผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
GJS ชี้แจง มีรายได้ขาย 18,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,027 ล้านบาท หรือ 61% จากปี 2563 ที่มีรายได้ขาย 11,379 ล้านบาท ราคาขาย เพิ่มขึ้น 73% และปี 2564 ชำระหนี้เงินกู้ หมด ทำให้ไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสถาบันการเงินอีก
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่งผลให้ มูลค่าทาง GSTEEL ขยับขึ้นมาเป็น 0.28 บาท จากเดิม 0.20 สตางค์ ซึ่งสูงกว่าเทนเดอร์ 0.27 สตางค์
ขณะเดียวกัน มูลค่าทางบัญชีของ GJS ปรับขึ้นมา เป็น 0.62 บาท จากเดิม 0.50 บาท สูงกว่าราคาเทนเกอร์ที่ นิปปอน สตีล รับซื้อ 0.59 บาท
จากงบการเงิน ปี 2563 ของ GJS พบว่า คืนหนี้สถาบันการเงิน 75 ล้านบาท หมดเกลี้ยง ไม่มีหนี้สถาบันการเงิน คงเหลือเพียงหนี้การค้า ส่งผลให้ปี 2565 ภาระดอกเบี้ยจ่าย หายไป หรือไม่มีภาระจ่ายดอกเบี้ยอีก
ส่วน GSTEEL ภาระหนี้ลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 1,595 ล้านบาท จากหนี้ที่เคยมีกว่า 10,000 ล้านบาท และปีที่ผ่านมา จ่ายคืนเงินกู้ 1,410 ล้านบาท ดอกเบี้ย 478 ล้านบาท ซึ่งปี 2656 มีภาระหนี้จ่าย เพียง 1,593 ล้านบาทเท่านั้น ดอกเบี้ย 170 ล้านบาทเท่านั้น
“ แนวโน้มที่ดีสดใสของกลุ่มจีสตีล จากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ศักยภาพและเทคโนโลยีของผู้ร่วมทุนใหม่ มีโอกาศที่จีสตีล จะรีไฟแนนซ์ ต้นทุนที่ต่ำลงอีก หุ้นกลุ่มนี้จึงเหมาะลงทุนระยะยาว “ แหล่งข่าวกล่าว
จากนี้ไปกลุ่มจีสตีล มี พันธมิตร nippon steel ซึ่งเป็น อันดับ 1 ของ ญี่ปุ่น และอันดับ 5 ของโลก ถ้ารวม กำลังผลิตของ Gsteel กับ GJS จะขึ้นเป็น อันดับ 3 ของโลกทันที
ปัจจุบัน กลุ่ม nippon steel นำเข้าเหล็กรีดร้อน จากญี่ปุ่น กว่า สองล้านตัน ถ้า Nippon steel ซื้อเหล็ก จาก กลุ่มจีสลีล บางส่วน ทำให้ กลุ่มเพิ่มกำลังผลิตลดต้นทุนการผลิต ยิ่งมี Nippon เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ทางญี่ปุ่น ต้องถ่ายทอด เทคโนโลยี ทำให้กลุ่มขายเหล็กมีคุณภาพ ราคาสูง มีกำไร มากขึ้น ต้นทุน ทางด้านการเงินต่ำลง แค่ประหยัดเงินดอกเบี้ย ที่เคยจ่ายให้กองทุน ปีละหลายร้อยล้านบาท