HoonSmart.com>>ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของกัลฟ์ฯ วงเงินไม่เกิน 2.4 หมื่นล้านบาท ที่ “A-” แนวโน้ม “คงที่” คาดการเงินแข็งแกร่ง รายได้และกระแสเงินสดน่าจะเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากโรงไฟฟ้า IPP ในประเทศไทย 2 แห่ง เงินปันผลของอินทัชฯ 42.25% ณ เดือนก.ย. 64 มีหนี้เงินกู้รวม 2.19 แสนล้านบาท
บริษัท ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่ระดับ “A” และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2.4 หมื่นล้านบาท ที่ระดับ “A-” ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจและ/หรือชำระหนี้
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ตลอดจนการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ผลงานในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA” จากทริสฯ) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงจากความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศของบริษัทและการมีภาระเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ผลการดำเนินงานของบริษัทสอดคล้องกับประมาณการของทริส ขณะที่คาดว่ารายได้และกระแสเงินสดน่าจะเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากแรงหนุนของโรงไฟฟ้า 2 แห่งของบริษัทในประเทศไทยภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ที่มีกำหนดการเปิดดำเนินงานในช่วงปี 2564-2567 รวมถึงรายได้เงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ในสัดส่วน 42.25% โดยกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดต่ำลงไปอยู่ที่ประมาณ 6 เท่าในปี 2567 จากประมาณ 10 เท่าในปี 2564
อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นนั้นสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิของหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) ทั้งนี้ ณ เดือนก.ย. 2564 หนี้เงินกู้รวมของบริษัทมีจำนวนทั้งสิ้น 2.19 แสนล้านบาท ซึ่งจำนวน 1.64 แสนล้านบาทถือเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน ซึ่งประกอบด้วยหนี้เงินกู้ที่มีหลักประกันของบริษัทและหนี้เงินกู้ทั้งหมดของบริษัทย่อย เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 75% สูงกว่าระดับ 50% ทริสจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากลำดับสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะเดินเครื่องอย่างราบรื่นและสร้างกระแสเงินสดได้ตามแผน ในขณะที่โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ตามกำหนดการ อีกทั้งแผนการเติบโตของบริษัทจะไม่ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน
อันดับเครดิตอาจเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 8 เท่าได้อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ของบริษัทล่าช้าไปจากกำหนดการอย่างมีนัยสำคัญจนกระทบต่อกระแสเงินสดที่คาดการณ์ไว้นอกจากนี้ การลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้จนทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตได้
ปัจจุบันบริษัทมีหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวม 45,500 ล้านบาท มีระยะเวลาไถ่ถอนระหว่างปี 2566-2574 ไม่รวมหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่กำลังจะออกและเสนอขาย ในวงเงินไม่เกิน 24,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี
อ่านข่าว