HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดลบ 3.80 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งแรง 7.5% ส่ง Bond yield พุ่งถึง 2% หวั่นเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 5,830.73 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 304.92 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าแกว่งไซด์เวย์-โฟกัสงบฯจะช่วยพยุงดัชนีได้ โดยให้แนวรับ 1,680-1,690 แนวต้าน 1,710 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 11 ก.พ.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,699.20 จุด ลดลง 3.80 จุด หรือ -0.22% มูลค่าซื้อขาย 95,433.74 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,703.95 จุด ต่ำสุด 1,690.69 จุด
นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 5,830.73 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 16.44 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 304.92 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 5,542.26 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้พักตัว เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปต่างปรับตัวลงกัน แต่ไม่มากนัก หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งแรง 7.5% มากกว่าที่คาดไว้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐ อายุ 10 ปี เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 2% จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยคงจะโฟกัสไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมา ซึ่งน่าจะออกมาดีและช่วยพยุงดัชนีได้ พร้อมให้ติดตามคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมที่ผ่านมา และติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีน โดยให้แนวรับ 1,680-1,690 จุด แนวต้าน 1,710 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 168.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +0.90% มูลค่าซื้อขาย 9,054.62 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 148.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 5,130.04 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +1.11% มูลค่าซื้อขาย 4,120.20 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 237.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ +3.49% มูลค่าซื้อขาย 3,171.88 ล้านบาท
KCE ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ -3.63% มูลค่าซื้อขาย 2,828.96 ล้านบาท