HoonSmart.com>> หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร่วงยกแผง ส่งดัชนีกลุ่มฯร่วง 2.80% นำโดย KCE, HANA เล็งปรับลดประมาณการกำไรยกกลุ่มฯหลังงบฯ KCE ไม่สวย อีกทั้งเทรดในโซน Valuation สูงเมื่อผลงานไม่เป็นไปตามคาดก็ต้องปรับลดลงมา พร้อมกังวลอาจลดความร้อนแรงลง หลังมีความเสี่ยงราคาน้ำมัน-เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และการขึ้นดอกเบี้ย หวั่นกระทบต่อกำลังซื้อสินค้า อย่างไรก็ดียังแนะ”ซื้อเก็งกำไร”KCE จากธีมรถ EV ยังโตได้อีกหลายปี
เมื่อเวลา 15.04 น. ดัชนีกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ร่วง 2.80% มาอยู่ที่ 6,164.44 จุด ลดลง 177.74 จุด โดยหุ้นในกลุ่มฯร่วงลงยกแผง นำโดยหุ้น KCE ร่วง 9.22% มาอยู่ที่ 66.50 บาท ลดลง 6.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,045.49 ล้านบาท
หุ้น HANA ร่วง 7.12% มาอยู่ที่ 65.25 บาท ลดลง 5.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,0547.41 ล้านบาท
หุ้น METCO ร่วง 6.07% มาอยู่ที่ 263 บาท ลดลง 17.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 32.27 ล้านบาท
หุ้น TEAM ลบ 3.04% มาอยู่ที่ 4.46 บาท ลดลง0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 7.46 ล้านบาท
หุ้น SMT ลบ 2.35% มาอยู่ที่ 4.98 บาท ลดลง 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.39 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลงทั่วหน้า จากแรงขายที่เข้ามาอย่างหนาแน่น นำโดยหุ้น KCE ที่ร่วงแรง หลังผลประกอบการงวดไตรมาส 4/64 ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไร และกำลังผลิตยังปรับจูนกับเครื่องจักรอยู่ทำให้อาจมีผลต่อผลงานไตรมาส 1/65 ด้วย ซึ่งงบฯที่ไม่สวยของ KCE ทำให้วิตกหุ้นตัวอื่นในกลุ่มฯจะไม่ดีด้วย
“หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เล่นกันอยู่ในโซน P/E สูง ก่อนหน้านี้ เมื่อกำไรไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ก็ทำให้อาจจะต้องมีการปรับลด P/E ลง ซึ่งก็มีโอกาสที่จะปรับลดประมาณการกำไรลงทั้งกลุ่ม เพราะเล่นด้วย Valuation ที่สูง เมื่อไม่เป็นอย่างหวังก็ราคาหุ้นต้องปรับลดลงมา”
ในส่วนของราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อที่สูง ก็มีส่วนที่จะทำให้กำลังซื้อหดตัวไปบ้าง เพราะราคาของแพงขึ้น แต่มองว่าดีมานต์ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่แย่มาก เพราะเป็นเมกกะเทรนด์
บล.โนมูระ พัฒนสิน มีความกังวลว่าการลงทุนหุ้นเทคโนโลยี และหุ้นอิเล็กทรอนิกส์อาจลดความร้อนแรงลง เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อกำลังซื้อของสินค้ากลุ่มนี้
อย่างไรก็ดี ยังแนะนำ”ซื้อเก็งกำไร”หุ้น KCE ราคาเป้าหมาย 97 บาท มีมุมมองเป็นกลางต่อ KCE ที่กำไรสุทธิ 701 ล้านบาท ในไตรมาส 4/64 +84%y-y +16%q-q (ตามคาด) โดยมียอดขาย และ GPMเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตและคำสั่งซื้อเติบโต รวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนตัว ส่วนไตรมาส 1/65 คาดกำไรสุทธิโต y-y ตามคำสั่งซื้อที่มีต่อเนื่อง แต่กำไรสุทธิจะลด q-q ตามฤดูกาลที่มีวันหยุดทำให้การส่งออกน้อยลง
ทั้งนี้ ธีมอุตฯรถอีวียังโตได้อีกหลายปี โดยตั้งแต่ปี 2578 อียูจะเลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาบ และตามด้วยประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐและจีน ทำให้แนวโน้มการขยายตัวของรถอีวียังมีต่อเนื่อง