ดาวโจนส์ปิดทรุด 518 จุด Nasdaq ร่วง 3.7% ผิดหวังผลดำเนินงานเฟซบุ๊ค

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดาวโจนส์ทรุด 518 จุด ผิดหวังผลการดำเนินงานเฟซบุ๊ค หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายหนัก Nasdaq ร่วง 3.7% ด้านตลาดหุ้นยุโรปลบ ธนาคาร ECB คงอัตราดอกเบี้ย ส่วนอังกฤษปรับขึ้นตามคาด ราคาน้ำมันดิบพุ่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ปิดที่ 35,111.16 จุด ลดลง 518.17 จุด หรือ -1.45% เพราะมุมมองทางบวกต่อบริษัทเทคโนโลยีใหญ่จากผลประกอบการกลับทิศ หลังเมตา แพล็ตฟอร์มส (เฟซบุ๊ค) รายงานผลการดำเนินงานที่ผิดคาด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,477.44 จุด ลดลง 111.94 จุด, -2.44%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,878.82 จุด ลดลง 538.73 จุด, -3.74%

แรงขายมีมากขึ้นในช่วงบ่าย ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากสุดนับตั้งแต่กันยายน 2020

นักวิเคราะห์จาก TD Ameritrade กล่าวว่า เฟซบุ๊คคือหุ้นที่สร้างความเชื่อมั่นในตลาด มีการถือหุ้นกันในวงกว้างและเป็นหุ้นหลักในพอร์ต เมื่อผลดำเนินงานไม่ดี ก็กระทบต่อความเชื่อมั่น คำถามก็คือว่าเป็นประเด็นเฉพาะเฟซบุ๊คหรือเป็นประเด็นโดยรวม

ในสัปดาห์นี้กลุ่มเทคโนโลยีดึงความสนใจของนักลงทุนออกจากประเด็นแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง(เฟด) ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาด
หุ้นเมตาแพล็คฟอร์มส ลดลง 26.4% หลังรายงานผลกำไรไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาด เป็นการลดลงมากที่ไม่เคยมีมาก่อนและคาดการณ์รายได้ที่ชะลอตัวในไตรมาสแรกปีนี้

หุ้นโซเชียลอื่นต่างอ่อนตัวลง หุ้น Snap ลดลง 23.6% หุ้นTwitter ลดลง 5.5%

การปรับขึ้นของตลาดที่ติดต่อกัน 4 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีอื่น ทั้งหุ้นอัลฟาเบท หุ้นไมโครซอฟต์ หุ้นแอปเปิล กลับมาอยู่ในทิศทางตรงข้ามจากการคาดการณ์รายได้ที่ชะลอตัวของเฟซบุ๊ค

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะเผยแพร่ในวันนี้ก็กดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นักลงทุนจับตาการายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมกรคม ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานรายงานข้อมูลการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วลดลงมาที่ระดับ 238,000 ราย ต่ำกว่า 245,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด และลดลงจาก 261,000 รายในสัปดาห์ ก่อนหน้า

สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีภาคบริการเดือนมกราคมลดลงมาที่ระดับ 59.9 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 แต่สูงกว่า 59.5 ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากผลการประชุมของธนาคารสหภาพยุโรป(European Central Bank:ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นการปรับขึ้นทุกรอบการประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004 และเริ่มกระบวนปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น โดยที่ประชุมขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย Bank Rate กลับไปที่ 0.5% นอกจากนี้ยังเตือนว่าเงินเฟ้อจะแตะ 7% ในเดือเมษายน จากเดิม 6% ที่ประเมินไว้

ด้านธนาคาร ECB คงอัตราดอกเบี้ย

กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 3.4% จากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดและผิดหวังผลกำไรของเมตา แลพ็ตฟอร์มสในสหรัฐฯ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Managers’ Index :PMI)รวมเดือนมกราคมยูโรโซฯลดลงมาที่ 52.3 จาก 53.3 เดือนธันวาคม

Stoxx Europe 600 ปิดที่ 468.63 จุด ลดลง 8.38 จุด, -1.76%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,528.84 จุด ลดลง 54.16 จุด, -0.71%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,005.63 จุด ลดลง 109.64 จุด , -1.54%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,368.47 จุด ลดลง 245.30 จุด, -1.57%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 90.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 91.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล