HoonSmart.com>>นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) นำทีมผู้บริหารแถลงแผนการดำเนินธุรกิจในปี2565 ประกาศปรับโมเดลธุรกิจขับเคลื่อนอนาคต (New S Curve) บนเส้นทางใหม่ (New Voyage) เป้าหมายเพื่อเติบโตยั่งยืน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างกำไรนิวไฮมากกว่า 6,000 ล้านบาทและพอร์ตสินเชื่อที่เกินกว่า 1 แสนล้านบาท ภายใต้สองโมเดลธุรกิจคือ 1.MAAI By KTC บริการใหม่ด้านลอยัลตี้แพลตฟอร์ครบวงจรแก่พันธมิตรธุรกิจ 2.รุกสินเชื่อมีหลักประกัน ปรับเป้า“เคทีซี พี่เบิ้ม”ขึ้นเป็น 11,500 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 10 เท่า จากปีที่ผ่านมา
“10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การดูแลของผม เราค่อนข้าง conservative ค่อยๆเดินทีละก้าว สร้างกำไรนิวไฮทุกปี ในปี 2564 ก็ยังทำได้เหมือนเดิม แม้ว่าจะเกิดโควิด-19 ก็ตาม แต่มีคำถามว่าจะทำนิวไฮเรื่อยๆไปแค่ไหน และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่คิดว่าระยะยาวจะได้ผลก็อาจจะไม่ได้ผลก็ได้ ทำให้ในปี 2565 ไม่ conservative อีกแล้ว โดยกำไรยังนิวไฮเหมือนเดิม แต่อาจจะไม่สูงมากเท่ากับที่ต้องการในอดีต เราต้องก้าวกระโดดในพื้นที่ใหม่ เป็นฐานที่มีกำไร ซึ่งมีหลายสิ่งที่ทำเหมือนที่ผ่านมา แต่มี 3 สิ่งที่จะทำ และสำคัญที่สุดด้วยในปีนี้ โดยจะใช้กำไรหลังจ่ายเงินปันผลแล้วมาลงทุนทั้งหมด “นายระเฑียรกล่าว
สิ่งแรกคือ สินเชื่อพี่เบิ้ม นำโดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ มั่นใจเป้าหมายที่ตั้งไว้จะเป็นไปได้ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปีไหนที่บริษัทตั้งเป้าสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทก็ตาม พร้อมดูแลคุณภาพลูกหนี้ด้วย อาศัยจุดแข็ง 3 เรื่อง คือ วงเงินสินเชื่อใหญ่ จากเดิมให้รายละ 7 แสนบาท เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท 2 อนุมัติรวดเร็ว ภายใน 2 ชั่วโมง และไปให้บริการถึงบ้านลูกค้า 3 เปิดโอกาสให้ทุกอาชีพเข้ามาใช้สินเชื่อ ผูกไปกับช่องทางของเครือข่ายธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศกว่า 900 สาขา ทำให้เข้าถึงลูกค้าต่างจังหวัด มีการพัฒนาขยายช่องทางอื่นๆเช่นออนไลน์ และบริษัทกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง (KTBL) 11 สาขา ปัจจุบันมีฐานสมาชิกสินเชื่อบุคคลกว่า 7 แสนราย
2.บัตรเครดิตเคทีซี ปีนี้น่าจะเป็นปีทองในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด หลังจากมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนผู้เล่นรายใหญ่และรายใหม่ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค สั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ความถี่และยอดใช้จ่ายต่อรายการมากขึ้น จับกลุ่มสมาชิกบัตรที่มีรายได้ระดับกลางและระดับบนเพิ่มขึ้น จากฐานเดิมที่มีรายได้ 3 หมื่นบาท/เดือนขึ้นไป จะมีการเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ประมาณเดือนมี.ค.นี้จะมีการเปิดตัวพันธมิตร และให้สิทธิประโยชน์ที่ทรงคุณค่า นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี มั่นใจในความปลอดภัย ตอบสนองทุกความต้องการของสมาชิกกว่า 3.3 ล้านบัญชี คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้จะเติบโต 10% หรือประมาณ 220,000 ล้านบาทและเพิ่มสมาชิกใหม่บัตรเครดิตไม่ต่ำกว่า 250,000 ราย และเคทีซี พราว ไม่ต่ำกว่า 100,000 ราย
3. MAAI By KTC เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้บริการกับพันธมิตรธุรกิจที่มีความต้องการใช้ลอยัลตี้แพลตฟอร์มแบบครบวงจร เชื่อม ecosystem ของเคทีซีกับพันธมิตร เพื่อเป็นฐานของธุรกิจไทย โดยเสนอโซลูชั่นส์ให้พันธมิตร โดยไม่ต้องลงทุนเอง คือ 1. ระบบบริหารจัดการสมาชิก 2. ระบบบริหารจัดการคะแนน ซึ่งไม่ว่าเป็นคะแนนของพันธมิตรเอง หรือจะใช้คะแนน MAAI POINT ก็ทำได้เช่นกัน โดยคะแนน MAAI POINT สามารถใช้เป็นคะแนนกลางในการแลกเปลี่ยนกับคะแนนอื่นๆ ในกลุ่มพันธมิตรบน MAAI Platform ได้ด้วย และ 3. ระบบบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ในรูปแบบคูปองอิเล็กทรอนิก ไม่ว่าจะแลกเป็นอีคูปอง หรือแลกสินค้าได้ที่ร้านค้าพันธมิตรทั่วไป ครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่าย โดยจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรก และในเดือนวันที่ 17 ม.ค.นี้ จะเปิดให้พนักงานเคทีซีได้ทดลองใช้ในช่วงเริ่มต้นกับ 16 ร้านค้าและจะขยายพันธมิตรร้านค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ามีพันธมิตร 10 ราย และจะต้องมีสมาชิก 1ล้านรายมาใช้บริการ
ขณะเดียวกัน การบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลักอีกเรื่องในการทำธุรกิจ บริษัทฯ จะมุ่งบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสำคัญ โดยจะเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นมากขึ้น และคาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นต่อเงินกู้ยืมระยะยาวอยู่ที่ 20:80 และต้นทุนการเงินจะใกล้เคียงกับปี 2564 ที่ 2.6% ต่อปี ทั้งนี้ จะมีการระดมเงินกู้ยืมระยะยาวในจำนวนไม่เกิน 12,000 ล้านบาท เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2565 จำนวน 9,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ เคทีซียังให้ความสำคัญกับการนำความยั่งยืน หรือ ESG ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เข้ามาบูรณาการกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ภายใต้แนวคิด Sustainable Development by Spirit เพื่อตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ โดยแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในระยะ 5 ปี เคทีซีจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาสร้างผลลัพธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย ด้วยระบบปฏิบัติการที่มีความปลอดภัย สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินของคนในสังคมอย่างทั่วถึง และคำนึงถึงการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ผ่านมาเคทีซีได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของ THSI (Thailand Sustainability Investment) เป็นปีที่ 3 และติดอันดับ ESG 100 ตั้งแต่ปี 2559 อีกทั้งได้รับ MSCI ESG Rating ประจำปี 2564 ที่ระดับ AA และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก “FTSE4Good Index series”
ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,332.87 ล้านบาท และงวด 9 เดือนปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,630.71 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับlสุทธิกว่า 7.7 หมื่นล้านบาท