HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์” เผยเงินไหลออกกองทุน LTF ช่วง 11 เดือนแรกกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท หลังหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ส่วนต้นปี 65 ครบเกณฑ์ขายออกได้ 2.1 หมื่นล้านบาท มองไม่น่ากังวลขายเป็นปกติของเดือนม.ค. ส่วนรอบนี้ดัชนีอยู่ระดับไม่ต่างกันมาก นักลงทุนบางกลุ่มอาจถือต่อ แนวโน้มหุ้นไทยปี 65 ยังขาขึ้น ส่วนกองทุน RMF โตต่อเนื่อง เงินไหลเข้าสุทธิแล้ว 2 หมื่นล้านบาท เชื่อโค้งสุดท้ายเข้าอีกมาก
น.ส.ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผย “HoonSmart” ว่า กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ถือลงทุนตามเกณฑ์ 7 ปีปฏิทินและสามารถขายคืนได้ในปี 2565 เป็นแรกมีมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท อาจมีนักลงทุนขายกองทุนออกมาในช่วงเดือนม.ค.2565 ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของทุกๆ ปีที่เดือนม.ค.มีเงินไหลออกจากกองทุน LTF ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 อาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงหนึ่ง
อย่างไรก็ตามในปี 2564 นี้ นักลงทุนขายกองทุน LTF ออกมาต่อเนื่องเช่นกัน ยอดรวม 11 เดือน หรือสิ้นพ.ย.2564 มีเงินไหลออกสุทธิประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2563 ทั้งปีมีเงินไหลออกสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกองทุน LTF ไม่มีเงินไหลเข้าแล้ว ขนาดกองทุนก็จะลดลงต่อจากมูลสินทรัพย์สุทธิประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนก.ย.2564
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึง 28 ธ.ค.ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 13.26% มาอยู่ที่ 1,641.52 จุด จากปิดสิ้นปี 2563 ที่ระดับ 1,449.35 จุด และแนวโน้มปี 2565 ผู้จัดการกองทุนมองหุ้นไทยเป็นขาขึ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทยให้เป้า 1,850 จุด บลจ.ไทยพาณิชย์ 1,800 จุด เป็นต้น
“ไม่อยากให้นักลงทุนกังวลประเด็นนี้มากนัก คงไม่ได้เทขายกองทุนออกมาทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนบางส่วนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากดัชนีในช่วง 7 ปีกับปัจจุบัน ไม่ได้ต่างกันมาก อยู่แถว 1,500-1,600 จุด จนทำให้นักลงทุนมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ จึงอาจมีนักลงทุนเลือกที่จะถือลงทุนต่อ เพื่อสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยต่อไปก็ได้ หลังจากมีประสบการณ์กับการลงทุนในกองทุน LTF หากขายและนำเงินไปลงทุนกองทุนตราสารหนี้ก็ไม่ใช่จังหวะ เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้นทำให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ลดลง”น.ส.ชญานี กล่าว
นอกจากนี้มองว่าดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นไปไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นจากเศรษฐกิจฟื้น กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่อาจกระทบต่อการเปิดเมือง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา
น.ส.ชญานี กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในปี 2564 นี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จากนโยบายการลงทุนที่หลากหลายและลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.5 แสนล้านบาท และมีเงินไหลเข้าสะสม ณ วันที่ 21 ธ.ค.2564 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดเงินไหลเข้าสุทธิทั้งปี 2563 อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังเหลือเวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายที่ปกติจะเป็นช่วงที่มีเงินไหลเข้าสูงสุดของปี และในสัปดาห์สุดท้ายของปีที่แล้วมีเงินไหลเข้าสุทธิรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
“เม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรอบ 11 เดือนแรกที่เงินไหลเข้าในปีนี้เร่งตัวขึ้นสูงกว่าปีที่แล้วในช่วงเดือนส.ค.เป็นต้นมา และในช่วงธ.ค.ปีนี้มีเงินไหลเข้าสะสมสูงกว่าปีที่แล้วตั้งแต่ต้นเดือน ทำให้เป็นไปได้สูงว่าในเดือนธ.ค.ปีนี้จะมีเงินไหลเข้ากองทุน RMF มากกว่าปีที่แล้ว”น.ส.ชญานี กล่าว
ด้าน 5 อันดับผลตอบแทนกองทุน RMF หุ้น ย้อนหลัง 1 ปี พบกองทุน ASP-VIETRMF สูงสุด 51.19% อันดับสอง B-INDIAMRMF 45.76% อันดับสาม KMSRMF 41.13% อันดับสี่ TMSRMF-A 36.65% อันดับห้า ASP-ERF 32.76%
ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี พบกองทุน B-INNOTECHRMF สูงสุด 33.21% ต่อปี อันดับสอง KFGTECHRMF 31.48% ต่อปี อันดับสาม ONE-UGERMF-A 26.57% ต่อปี อันดับสี่ ASP-ROBOTRMF 25.93% ต่อปี อันดับห้า KKP GNP RMF-UH 25.38% ต่อปี
ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี กองทุน ONE-UGERMF-A สูงสุด 18.30% ต่อปี อันดับสอง TMBGQRMF 15.17% ต่อปี อันดับสาม KEURMF 14.00% ต่อปี อันดับสี่ T-GlobalEQRMF 13.96% ต่อปี และอันดับห้า TUSRMF-A 13.80% ต่อปี
ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี กองทุน KKP EQRMF อยู่ที่ 8.47% ต่อปี TEGRMF 7.99% ต่อปี IN-RMF 7.62% ต่อปี ASP-ERF 7.27% ต่อปี และ BERMF 6.94% ต่อปี