ก.ล.ต.ปรับผู้บริหารเพิ่มสินสตีลเวิคส์ “ชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์” ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น PERM ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์บุตร 3 ราย เรียกชำระค่าปรับและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 25.15 ล้านบาท พร้อมแบ็คลิสต์ห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารบจ. 3 ปี ส่วน “ณัฐพร-ลลิลพร” แบน 1 ปี “เพิ่มศิลป์” 6 เดือน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งขณะกระทำผิดดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการด้านการเงินและบัญชีของบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ (PERM) ได้ทราบผลกำไรสุทธิของบริษัท 2 ช่วง คือ ไตรมาส 1 และ 3 ของปี 2559 ที่เพิ่มขึ้น 235.70 ล้านบาท และ 198.16 ล้านบาท ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 โดยในไตรมาส 3 ปี 2559 เป็นช่วงที่ PERM มีกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งนางชไมพรใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในทั้งสองช่วงดังกล่าวซื้อหุ้น PERM จำนวนรวม 19,338,700 หุ้น ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตรทั้ง 3 ราย ได้แก่ น.ส.ณัฐพร ยงวงศ์ไพบูลย์ น.ส.ลลิลพร ยงวงศ์ไพบูลย์ และนายเพิ่มศิลป์ ยงวงศ์ไพบูลย์ ก่อนที่ PERM จะเปิดเผยงบการเงินทั้ง 2 งวด ต่อประชาชนผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์
การกระทำของนางชไมพรที่ใช้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อซื้อหุ้น PERM เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 241 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 242 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 โดยมีนางสาวณัฐพร นางสาวลลิลพร และนายเพิ่มศิลป์ช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิด โดยยินยอมให้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน ซึ่งเป็นความผิดในฐานะผู้สนับสนุน และมีบทกำหนดโทษตามบทบัญญัติดังกล่าวประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับ และผู้กระทำผิดทั้ง 4 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว โดยนางชไมพรชำระค่าปรับทางแพ่ง 2 กระทงจำนวน 13.97 ล้านบาท และส่งคืนผลประโยชน์ที่พึงได้รับจำนวน 11.17 ล้านบาท นางสาวณัฐพร และนางสาวลลิลพรชำระค่าปรับทางแพ่งคนละ 2 กระทง รายละ 0.66 ล้านบาท และนายเพิ่มศิลป์ชำระค่าปรับทางแพ่ง 1 กระทง จำนวน 0.33 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะส่งกระทรวงการคลัง
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. กำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน* สำหรับนางชไมพรเป็นเวลา 3 ปี นางสาวณัฐพร นางสาวลลิลพรเป็นเวลารายละ 1 ปี และนายเพิ่มศิลป์ 6 เดือนด้วย