ก.พลังงานแย้มแผนพีดีพีใหม่ รับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเกิน 20%

ก.พลังงาน เผยเบื้องต้นจะมีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในแผนพีดีพีฉบับใหม่ เป็นมากกว่า 20% จากเดิม 15-20% หลังต้นทุนการผลิตถูกลง-รองรับโซล่าร์รูฟท็อปภาคประชาชน

นายสมภพ พัฒนาอริยางกูล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ และโฆษกกระทรวงพลังงาน ปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางพลังงานไทย” ภายในงาน Thailand Focus 2018 โดยระบุตอนหนึ่งว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ ที่จะแล้วเสร็จในเดือนก.ย.นี้นั้น ในเบื้องต้นมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นมากกว่า 20% จากแผนเดิมที่กำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ 15-20% ภายในปี 2579

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนพัฒนาไปมาก ทำให้ต้นทุนถูกลง อีกทั้งการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าทดแทนดังกล่าว จะเป็นการรองรับนโยบายรับซื้อไฟฟ้าโซล่าร์รูฟท็อปจากภาคประชาชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การรับซื้อ และคาดว่าจะเปิดรับซื้อได้ภายในปีนี้

“เบื้องต้นแผนพีดีพีฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟังงานหมุนเวียนเพิ่มเป็นมากกว่า 20% เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนลดลง และยังเป็นการรองรับนโยบายไฟฟ้าโซล่าร์รูฟท็อปภาคประชาชนที่จะออกมาในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการหารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้านครหลวง ว่าจะกำหนดรับซื้อไฟฟ้าโซล่าร์รูฟท็อปกี่เมกะวัตต์ และกำหนดราคารับซื้อว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่”นายสมภพกล่าว

สมภพ พัฒนอริยางกูล

อย่างไรก็ตาม แผนพีดีพีฉบับใหม่ยังคงประมาณการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ระดับเท่ากับแผนฉบับเดิม ซึ่งคาดว่าในปี 2579 จะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1.2 ล้านคัน ขณะที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายในการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบีโอไอ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา

นายสมภพ กล่าวถึงความคืบหน้าการประมูลปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช ว่า ขณะนี้เอกชนที่ยื่นเจตจำนงเข้าร่วมประมูลแข่งขัน อยู่ระหว่างการจัดทำข้อเสนอมาให้กระทรวงพลังงานพิจารณา โดยกำหนดยื่นข้อเสนอภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะใช้เวลาพิจารณา 3 เดือน และส่งผลการคัดเลือกไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้ กำหนดเซ็นสัญญากับเอกชนที่ได้รับคัดเลือกในเดือนก.พ.ปีหน้า