HoonSmart.com>> “เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” คาดรายได้ปี 65 โต 15-20% ยอดขายออฟไลน์ ออนไลน์โต คาดช่องทาง Omni Channel แตะ 25-28% อัดเงินลงทุน 1.8-2 หมื่นล้านบาท ขยายสาขาใหม่เพิ่ม 2-3 เท่า พัฒนาบริการช่องทางออนไลน์ จ่อเปิดตัวบริการใหม่อีก 3-4 แบบ ส่วนแผนขยายสาขาช่วงเหลือของปีนี้ คาดเปิดครบตามแผน มั่นใจยอดขายต่อสาขาใน 3 ประเทศไตรมาส 4 ดี
นายไท จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2565 จะเติบโตที่ระดับ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2564 และเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ (Low Single-Digit Growth) เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้อยู่ที่ 194,311.43 ล้านบาท มาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
สำหรับเงินลงทุนในปี 2565 บริษัทตั้งไว้ประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท โดยจะขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 2-3 เท่า เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขายออฟไลน์ และลงทุนพัฒนาการบริการใหม่ๆของช่องทาง Omni Chanel เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตดีขึ้น โดยคาดว่าช่องทางดังกล่าวจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25-28% ของยอดขายรวม จากปัจุบันอยู่ที่ประมาณ 24%
นอกจากนี้บริษัทก็มีแผนจะขยายรูปแบบบริการใหม่ (New Format) คาดว่าจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 รูปแบบ โดยในไตรมาส 3/2564 ได้เปิดการบริการให้ GO! WOW ที่เป็นร้าน Hardline ตั้งอยู่บนทำเลของเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป และกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งในไตรมาส 4 นี้มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 11 สาขา จากไตรมาสก่อนเปิดไปแล้ว 7 สาขา และปี 2565 เปิดเพิ่มอีก 15 สาขาต่อไตรมาส ตั้งเป้าจะมียอดขาย 8,000-10,000 ล้านบาท ในปีที่ 5 หรือปีที่ 6 และผ่านจุดคุ้มทุนในแง่ของ EBITDA ในปีที่ 2
ส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้ บริษัทจะเปิดห้างปิดห้างสรรพสินค้า 1 แห่ง ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ , ไทวัสดุเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา รวมทั้งปีเปิด 5 สาขา , ซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดเพิ่ม 12 สาขา รวมทั้งปีเปิด 47 สาขา และสาขาที่เป็น Non-Food Specialties เปิดเพิ่มอีก 46 สาขา รวมเปิดครบ 93 สาขา ส่วนที่ประเทศเวียดนามเปิด GO! Mall เปิดอีก 2 สาขา ครบ 3 สาขา และ Hypermarkets อีก 2 สาขา ครบ 3 สาขา และสาขาที่เป็น Non-Food Specialties เปิดเพิ่มอีก 30 สาขา รวมเปิดครบ 51 สาขา ด้านประเทศอิตาลีไม่มีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่ม
แนวโน้มในไตรมาส 4/2564 ในประเทศไทยและเวียดนาม เริ่มเห็นการฟื้นตัวของยอดขายและปริมาณการสัญจร (Traffic) ค่อนข้างดี ตามการคลายล็อกดาวน์ ส่วนที่ประเทศอิตาลีดีขึ้นต่อเนื่อง และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีการล็อกดาวน์ ประเมินว่ายอดขายต่อสาขาเดิมของทั้ง 3 ประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเป็นบวก โดยกลุ่ม Hardline ของประเทศไทยและเวียดนามคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีที่สุด ส่วนประเทศอิตาลีกลุ่มสินค้าแฟชั่นเติบโตดีที่สุด