“ALT” หุ้นเทค ต้นน้ำ ธุรกิจโทรคมนาคม พลังงาน

HoonSmart.com>>บริษัท เอแอลที เทเลคอม (ALT) สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจการบริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (Network Infrastructure) มากว่า 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อเผชิญสถานการณ์รายได้และกำไรหดตัวลงอย่างชัดเจน เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทประกาศปรับเปลี่ยนองค์กรครั้งใหญ่ เพิ่มธุรกิจอย่างน้อย 4 ประเภท คือการขยายฐานธุรกิจเดิมให้รองรับและเชื่อมโยงไปถึงกิจการด้านพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ ธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid & Smart Energy) ธุรกิจเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ธุรกิจแฟลตฟอร์มอัจฉริยะ พัฒนาความเป็นอยู่ของผู้บริโภคผ่านแฟลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันและโลกแห่งอนาคตได้เป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่าการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อสร้างการเติบโตมั่นคงในระยะยาว จะต้องรอเวลาในการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

วิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการธุรกิจ บริษัทหลายแห่งจำเป็นต้องเปลี่ยนช่องทางทำมาหากินใหม่ เพื่อความอยู่รอดทั้งเฉพาะหน้าและในระยะยาว บางแห่งมองเห็นโอกาสการเติบโตจากการเพิ่มความหลากหลายของรายได้

ในส่วนบริษัทเอแอลทีฯมองเห็นปัญหามานาน และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อประสบผลขาดทุนตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2560 เรื่อยมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เมื่อบริษัทลงมือแก้ไขก่อน มีการปรับวิสัยทัศน์ ช่วยให้มองเห็นโอกาสแห่งการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆที่เกี่ยวเนื่องกันได้อย่างกว้างขวาง สามารถต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีอยู่แล้วได้มาก เพื่อให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสามารถขยายขอบข่ายการให้บริการให้ครอบคลุมไปถึงลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย เช่น โครงการระบบเคเบิลใต้น้ำ มีจุดการเชื่อมต่อโดยเริ่มต้นจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เมียนมาร์และไปสิ้นสุดที่ประเทศอินเดีย ระบบรองรับความจุในการสื่อสารข้อมูลได้มากกว่า 200 เทราบิทต่อวินาที (Tbps) คาดว่าจะก่อสร้างโครงสร้างหลักของสถานีเชื่อมต่อเคเบิลใต้น้ำเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2565

บริษัทได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากผู้ประกอบการต่างประเทศในระดับ World Class ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแนวหน้าในกลุ่มอุตสาหกรรมประเภท OTT (Over The Top) เซ็นสัญญาระยะยาวโครงข่ายเคเบิ้ลฯ สร้างรายได้ประจำ (recurring income )ให้กับบริษัท รวมถึงการมีลูกค้าใหม่ๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐและกลุ่มเอกชนที่มีความหลากหลาย หลังจากยอมรับ”คุณภาพ”งานของเอแอลที

การต่อยอดธุรกิจของเอแอลที ถือว่าเดินมาถูกทางยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็น ASEAN Digital Hub มีโอกาสเติบโตอีกมาก

เกาะเทรนด์โลก  

ที่สำคัญธุรกิจของ ALT ยังเกาะเทรนด์ของโลก พลังงานสะอาด บริษัทลงทุนและพัฒนาระบบโซลาร์รูปท็อป บริหารจัดการพลังงานให้กับลูกค้าโรงงานและอุตสาหกรรมขนาดกลาง เพื่อได้ไฟฟ้าราคาถูก คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงอย่างน้อย 15-20% และยังมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย

ธุรกิจเมืองอัจฉริยะ (Smart City) นำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน เพื่อให้เมืองมีความสวยงาม และปลอดภัย โดยบริษัทจะมีการติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ (Smart Pole) ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเ พื่อสังเกตการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่และสุขอนามัยของประชาชน ทั้งในเรื่องมลพิษ และฝุ่นละออง การจราจร รวมถึงเป็นจุดชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

ธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid & Smart Energy) เกิดขึ้นจากการให้บริการวางระบบและติดตั้งโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งเป็นโครงการนำร่องด้านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะของประเทศไทย และมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐจะขยายขนาดของโครงการให้ครอบคลุมหัวเมืองสำคัญทั่วทั้งประเทศ จึงเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง

บริษัทก่อสร้างสถานีฐานชายฝั่ง เพื่อให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเลจากต่างประเทศ เข้ากับโครงข่ายเคเบิ้ลภาคพื้นดินภายในประเทศ ซึ่งสามารถพัฒนาการเชื่อมต่อโครงข่ายภาคพื้นน้ำจากทะเลด้านตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน โครงการที่จ.สตูลคืบหน้าไปมาก ตามด้วยจ.สงขลา และจ.ระยอง ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเอง ลดความซ้ำซ้อน ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการใช้พลังงานทดแทน

มีพันธมิตรดีและแกร่ง

บริษัทเร่งเดินหน้าพัฒนาต่อยอด เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาในระดับภูมิภาค โดยต้องอาศัยการมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญที่เป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและมีเครือข่ายธุรกิจที่เข้มแข็ง อาทิ การร่วมลงทุนกับ บริษัท ราช กรุ๊ป (RATCH) บริษัทลูกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือกฟผ. จัดตั้งบริษัท สมาร์ทอินฟราเนท (SIC) ผู้ให้บริการเช่าโครงข่ายไฟเบอร์ใต้ดิน ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า แนวเส้นทางรถไฟและทางหลวงแผ่นดิน ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ กฟผ.ได้ใช้โครงข่ายไฟเบอร์ร่วม (Fiber Space) และมีโอเปอร์เรเตอร์เข้าร่วมด้วย บริษัทพร้อมขยายไปยังกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ที่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตวะวันออก (EEC) ที่มีการขยายการลงทุนเป็นจำนวนมาก สร้างเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต

แนวโน้มการให้บริการไฟเบอร์พร้อมใช้งาน โดยไม่ต้องลงทุน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับโอเปอร์เรเตอร์ทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ

บริษัทยังร่วมลงทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ ที่เป็นกิจการในเมียนมาให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้าในเมืองย่างกุ้ง ภาตใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น

จุดแข็งทางการเงิน

แม้ในไตรมาสที่ 3/2564 บริษัทมีขาดทุนสุทธิ 33.50 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของกลยุทธธุรกิจ แต่ไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงิน สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ณ สิ้นเดือน ก.ย.2564 มีเงินสดในมือประมาณ 532 ล้านบาท และเครดิตไลน์กับสถาบันการเงินอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.70 เท่า ลดลงจาก 0.75 เท่าเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2563 และยังมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 1,347 ล้านบาท

บล.คิงส์ฟอร์ดแนะถือ คาดปี’65 พลิกกำไร 61 ลบ.

บล.คิงส์ฟอร์ด ออกบทวิเคราะห์ หุ้น ALT วันที่ 10 พ.ย.2564 แนะนำให้ “ถือ” โดยมีราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 2.82 บาท แม้อัตรากำไรขั้นต้นย่อตัวลงในไตรมาสที่ 3/2564 แต่รวม 9 เดือนดีขึ้นจากปีก่อน และคาดปีนี้จะขาดทุนสุทธิราว -59.32 ล้านบาท หดตัว 122% แต่หากในปี 2563 ตัดการรับรู้การชนะคดีที่บันทึกในรายการพิเศษราว 412.80 ล้านบาท จะเหลือกำไรปกติ – 232.12 ล้านบาท เทียบกับที่คาดว่าจะขาดทุน -59.32 ล้านบาท ถือว่าผลงานปี 2564 ดีกว่าปีที่ผ่านมา และมองว่าปี 2565 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 61.41 ล้านบาท พุ่งขึ้น 203.53% จากปีนี้

ปัจจุบัน ALT มีงานในมือมูลค่าราว 1,347 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปี 2565 ราว 1,100 ล้านบาท หากสถานการณ์โควิดทุเลาลง โครงการต่าง ๆ กลับมาเร่งเดินหน้า คาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อได้ โดยเฉพาะฝั่งบริการให้เช่าโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ผ่านจุดคุ้มทุนมาแล้ว อาจเป็นอีกหนึ่งแขนงธุรกิจต่อจากรายได้จากการให้บริการติดตั้งที่เป็นรายได้หลักในปัจจุบัน ส่วนโครงการ ASEAN Digital Hub ยังคงเร่งเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคมระดับภูมิภาค หากสาเร็จจะช่วยขยายฐานธุรกิจให้กว้างกว่าเดิม

ทั้งนี้”เอแอลที” เดินตามโรดแมปที่วางไว้ และมีการต่อจิกซอว์ธุรกิจมานาน 3-4 ปี คาดว่าน่าจะใกล้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตก้าวกระโดดในปี 2565 เป็นต้นไป ยิ่งโอเปอร์เรเตอร์ขยัน บุกหาลูกค้ามากขึ้นเท่าไรก็เพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในฐานะผู้ให้บริการเช่าโครงข่ายคมนาคม อาทิ เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย 5G และอินเทอร์เน็ต รวมถึงโครงสร้างธุรกิจพลังงาน ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุน ในการเข้าซื้อหุ้น ALT สะสมเพื่อลงทุนระยะยาว คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า