HoonSmart.com>> “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เผยก.ล.ต.ไฟเขียวแบบไฟลิ่ง “บริทาเนีย” ซึ่งเป็นบริษัทลูกขาย IPO จำนวนไมเ่กิน 252.65 ล้านหุ้น เข้าตลาด SET ชูจุดแข็งผู้เชี่ยวชาญพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ วางโมเดลขยายทำเลสู่จังหวัดที่มีศักยภาพ พร้อมโชว์ผลงานเติบโตก้าวกระโดด
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัท บริทาเนีย (BRI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับอนุมัติแบบคําขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์สําหรับเสนอขายหุ้นออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนํา BRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (แผนการ Spin-Off) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2564
BRI เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 252.65 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 29.6% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แล้วในวันที่ 4 พ.ย.2564
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่เหมาะสม โดย บริษัท บริทาเนีย จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้พัฒนาโครงการและขยายธุรกิจ ชำระเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ด้านนางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย (BRI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเป็นบริษัทเรือธงของกลุ่มบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ปัจจุบันมีโครงการครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
พร้อมทั้งวางเป้าหมายขยายทำเลพัฒนาโครงการออกสู่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ภายใต้แผน 5 ปีที่จะขยายโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เป็นต้น โดยเน้นจังหวัดที่มีอัตราเติบโตของประชากรสูงและมีการขยายโครงข่ายคมนาคมและพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยและนำบริษัทฯ ก้าวเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการอยู่อาศัยและยกระดับการใช้ชีวิต
ปัจจุบันบริษัทฯ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้ 4 แบรนด์หลัก โดยมีรูปแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Unique Design) ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ 1) แบรนด์ “ไบรตัน” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ในแถบพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัดจับกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน (First Jobber) 2) แบรนด์
“บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม จับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว พนักงานบริษัทและเจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก 3) แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับพรีเมียม จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดใหญ่ และ 4) แบรนด์ “เบลกราเวีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีโครงการที่ปิดการขายแล้ว 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,028 ล้านบาท มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 17,550 ล้านบาท โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 6 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,300 ล้านบาท และมีแผนพัฒนาโครงการในอนาคต 9 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 10,800 ล้านบาท
บริษัทฯ ได้สร้างความแตกต่าง โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีด้านการให้บริการก่อนและหลังการขายเพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น และเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำที่มีศักยภาพด้านการให้บริการต่างๆ ที่จำเป็นในการอยู่อาศัยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงนำแอปพลิเคชันเข้ามาเสริมการให้บริการในรูปแบบ Service on Demand ทั้งในด้าน Property Tech, Service Tech และ Living Tech เช่น บริการตัดหญ้า จองคิวตัดผม ตัดขนสุนัข เป็นต้น ตลอดจนให้ความสำคัญกับการออกแบบบ้านและให้บริการภายใต้แนวคิด “Human Centric” โดยมุ่งศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการรวมถึงปัญหาต่างๆ ของผู้อาศัย เพื่อนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพดีแก่ลูกค้า โดยมีทีมงานฝ่ายวางแผนและบริหารงานก่อสร้าง เพื่อกำหนดคุณภาพและมาตรฐานงานรับเหมาก่อสร้างรวมถึงวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในโครงการ
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 – 2563 มีอัตราเติบโตก้าวกระโดด โดยมีรายได้รวม 515.47 ล้านบาท 1,561.01 ล้านบาท และ 2,342.09 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 113.16% และมีกำไรสุทธิ 71.65 ล้านบาท 207.14 ล้านบาท และ 348.72 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยมาจากการขยายโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและความต้องการบ้านจัดสรรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม สาธารณูปโภค รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 1,761.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 287.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายโครงการใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า รวมถึงการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ