‘ทีเอ็มบีธนชาต’ คัด SSF-RMF ตัวท็อปลงทุนโค้งสุดท้ายปี 64

HoonSmart.com>> “ทีเอ็มบีธนชาต” กระตุ้นคนไทยสร้างวินัยการลงทุนต่อเนื่อง คัดกองทุน SSF และ RMF ลดหย่อนภาษี โค้งสุดท้ายปี 64 เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต แนะกลยุทธ์ลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุ พร้อมจัดโปรโมชันกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี สำหรับการลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนตราสารตลาดเงิน

กิดาการ ชัฏสุวรรณ

นางกิดาการ ชัฏสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบีธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 อย่างยาวนาน ทำให้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมมีความผันผวนรุนแรงและยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้ แต่ทีเอ็มบีธนชาตก็ยังสนับสนุนให้ทุกคนลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มสถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งเทรนด์การลงทุนสำคัญที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ธนาคารได้ทำการคัดสรรกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) พร้อมสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีที่นักลงทุนหลายคนกำลังมองหาในการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนมาแนะนำอย่างหลากหลายให้เลือกได้ตามความต้องการ

“ทีเอ็มบีธนชาตส่งเสริมให้คนไทยสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่ออนาคตผ่านกองทุนรวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต โดยมองถึงโอกาสในระยะยาวมากกว่าสถานการณ์ระยะสั้น ๆ ที่สำคัญควรเลือกกองทุนที่ตอบโจทย์และมีความเสี่ยงตามที่ตัวเองยอมรับได้ ในช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งกองทุน SSF และ RMF ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อการออมในระยะยาวที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ แต่จุดเด่นและเงื่อนไขการลงทุนของแต่ละกองทุนจะมีความแตกต่างกัน ธนาคารขอแนะนำว่าสำหรับคนที่มีช่วงอายุ 18 – 45 ปี ให้เน้นซื้อ SSF ก่อน เพราะใช้ระยะเวลาการถือครองแค่ 10 ปี ซึ่งมีทั้งกองทุนแบบปันผลและไม่ปันผล และสำหรับคนอายุ 45 ปีขึ้นไป ให้ซื้อ RMF” นางกิดาการ กล่าว

สำหรับเงื่อนไขการลงทุน SSF และ RMF มีดังนี้ ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี โดย SSF มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 200,000 บาท และมีระยะเวลาการถือครอง 10 ปี แบบวันชนวัน ส่วน RMF มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 500,000 บาท และจะขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องถือกองทุนมาอย่างน้อย 5 ปี นับวันชนวัน ซึ่งการลงทุนทั้ง SSF และ RMF วงเงินรวมที่ไม่เกินนั้นเป็นการรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ (กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) ด้วย

สำหรับกองทุน SSF และ RMF ที่ทีเอ็มบีธนชาตคัดสรรมารองรับความต้องการของนักลงทุนจะมีทั้งกองทุนที่เน้นผลตอบแทน กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศทั่วโลก หุ้นเทคโนโลยี โดยกองทุน SSF ได้แก่ กองทุนเปิดยูไนเต็ด ตราสารทุนเพื่อการออม (UOBEQ-SSF), กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Technologyเพื่อการออม (T-ES-GTECH-SSF), และกองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Capital Growth เพื่อการออม (T-EG-GCG-SSF)

สำหรับกองทุน RMF ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGQGRMF) และกองทุนเปิดทีเอ็มบี Global Income เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGINCOMERMF)

นางกิดาการ กล่าวว่า ทีเอ็มบีธนชาตส่งเสริมให้คนไทยลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต พร้อมสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งสุดท้ายของปี กับโปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2564 ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค.2564 การลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนตราสารตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท (ตามบลจ.ที่ลงทุน) และยอดรวมซื้อ / สับเปลี่ยนกองทุนเข้าต้องไม่เกิน 500,000 บาทและพิเศษ! ทุกกองทุนลดหย่อนภาษีสามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิต ttb