PTTEP โชว์ 9 เดือน ฟาดกำไร 2.8 หมื่นลบ. เพิ่มเป้าขายปีนี้แตะ 417,000 บาร์เรล

HoonSmart.com>>ปตท.สผ. เปิดผลงาน 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 28,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากทั้งปริมาณการขายปิโตรเลียม และราคาขายดีขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลก ต้นทุนต่อหน่วยลดลง  ไตรมาส 3 กำไร 9,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% ปี 2564 ดีเกินคาด ปรับเป้าปริมาณขายเพิ่มอีกครั้งเป็น 417,000 บาร์เรล

มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือ  ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผย ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2564 มีรายได้รวม 5,331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (เทียบเท่า 168,409 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 31% จาก 4,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (เทียบเท่า 128,369 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

มาจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 414,516 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ 344,909 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับผู้ซื้อก๊าซฯ ได้เรียกรับก๊าซธรรมชาติจากโครงการในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 42.34 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 39.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ด้านค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,453 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (เทียบเท่า 140,571 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 29% จาก 3,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 108,762 ล้านบาท) ในปีที่แล้ว จากการบันทึกรายจ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ การรับรู้ผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน และการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ของโครงการสำรวจในประเทศบราซิล

” 9 เดือนแรกของ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 28,218 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 20,137 ล้านบาท) โดยสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยที่ 28.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงจาก 30.29 ดอลลาร์ สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุน และการเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ของโครงการมาเลเซีย-แปลงเอช และการเข้าซื้อโครงการโอมาน แปลง 61 ซึ่งมีต้นทุนต่อหน่วยค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ บริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ที่ 74% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2564  ปตท.สผ. มีรายได้รวม 1,784 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 58,752 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 37% จาก 1,305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 40,887 ล้านบาท) จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 9,545 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27% จาก 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 7,202 ล้านบาท) จากการเติบโตของปริมาณการขายและราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น

“ธุรกิจพลังงานเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จากที่หลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรปรวมทั้งประเทศไทย มีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์และการเดินทาง  ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้น นอกจากนี้ ความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Execute & Expand ส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มเป้าหมายการขายเฉลี่ยขึ้นอีกครั้งเป็น 417,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากที่ได้ปรับเพิ่มไปแล้วในไตรมาส 2 ที่ 412,000 บาร์เรล อีกทั้งการเข้าร่วมลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ และการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซฯ อย่างต่อเนื่องในมาเลเซีย เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว” นายมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ เป็น 49% จาก 24.5% และคาดว่าโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ จะเริ่มผลิตน้ำมันดิบได้ไตรมาส 4/2564 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นประมาณ 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวัน