HoonSmart.com>> บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะลงทุนกองทุน RMF-SSF แบบผู้นำเทรนด์ผ่าน 3 ธีมเด่น “กองทุนดาวเด่น กองทุนระดับเมกะเทรนด์ และกองทุนต่างประเทศมาแรง” พร้อมโปรโมชั่นรับ SCBSFF สูงสุด 1,000 บาท เริ่ม 18 ต.ค.นี้
นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเข้าไตรมาส 4 เริ่มมีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนประเภท Super Savings ชนิดเพื่อการออม (SSF) มากขึ้น บริษัทฯ จึงได้นำเสนอธีมเด่นโดนใจในแบบผู้นำเทรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในการสร้างโอกาสการลงทุนระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยแบ่งเป็น 3 ธีมกองทุน ได้แก่ กองทุนดาวเด่น กองทุนระดับเมกะเทรนด์ และกองทุนต่างประเทศมาแรง
พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนที่เข้าร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 64 – 30 ธ.ค. 64 โดยจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท สามารถลงทุนผ่านผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy และ SCBAM Fund Click นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต SCB สามารถชำระมูลค่าลงทุนผ่านบัตรได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา และแอปพลิเคชัน SCB Easy
สำหรับเทรนด์การลงทุน 3 ธีมเด่นที่แนะนำ ได้แก่ ธีมกองทุนดาวเด่น ซึ่งเป็นกองทุนที่บริษัทฯ มองว่ามีความน่าสนใจ ควรมีติดพอร์ต ได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากการที่ญี่ปุ่นได้มีการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์การลงทุนสมัยใหม่มากขึ้น ประกอบกับการให้ความสำคัญกับ ESG ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสู่การเติบโตแบบยั่งยืน ทั้งนี้ได้แนะนำ 1) SCBRMJP (เพื่อการเลี้ยงชีพ) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 และ 2) SCBJAPAN(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนเชิงรุกในหุ้นญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสนใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้เปรียบด้านคาดการณ์กระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าตามสัญญา โดยแนะนำ 1) SCBRMPIN (เพื่อการเลี้ยงชีพ) และ 2) SCBPIN-SSF (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในหน่วย Property/REITs และ/หรือหน่วย Infra ที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ
ธีมกองทุนระดับเมกะเทรนด์ ที่พลาดไม่ได้ เริ่มจากการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นที่พูดถึงมากในช่วง COVID-19 รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์ โดยกองทุนที่แนะนำ คือ 1) SCBRMGHC (เพื่อการเลี้ยงชีพ) ลงทุนในหุ้นด้านธุรกิจเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ทั่วโลก 2) SCBIHEALTH(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมการแพทย์
อีกหนึ่งเมกะเทรนด์คือ เทคโนโลยี ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยแนะนำ กลุ่มเทคโนโลยีจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจีนเน้นให้ความสำคัญเป็นพิเศษในแผน 5 ปีฉบับที่ 14 และจะมีการนำมาปฏิบัติใช้จริงในช่วงปี 2021 ถึง 2025 โดยแนะนำ 1) SCBRMCTECH (เพื่อการเลี้ยงชีพ) และ 2) SCBCTECH-SSF (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนที่มีโอกาสเติบโตสูง นอกจากนี้ ยังมีเมกะเทรนด์เฉพาะเจาะจง คือ 1) SCBSEMI(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในหุ้นที่ผลิต Semiconductor และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
ธีมกองทุนต่างประเทศมาแรง ครอบคลุมทั้งกลุ่มตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะนำกองทุน 1) SCBUSA(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) มีการบริหารเชิงรุกโดยลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และหากสนใจลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ที่อ้างอิงดัชนีต่าง ๆ ก็มี 1) SCBRMS&P500 (เพื่อการเลี้ยงชีพ) และ 2) SCBS&P500-SSF (ชนิดเพื่อการออม) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 3) SCBDJI(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Dow Jones และ 4) SCBNDQ(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Nasdaq-100
สำหรับนักลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นยุโรปที่กำลังฟื้นตัว แนะนำ 1) SCBRMEU (เพื่อการเลี้ยงชีพ) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี STOXX Europe 600 และ 2) SCBEUROPE(SSF) (ชนิดเพื่อการออม) มีการบริหารเชิงรุกโดยลงทุนในหุ้นทั่วทวีปยุโรป ส่วนตลาดเกิดใหม่ แนะนำ 1) SCBRMCHA (เพื่อการเลี้ยงชีพ) และ 2) SCBCHA-SSF (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares สะท้อนภาพตลาดหุ้นภายในประเทศ ตามดัชนี CSI 300 และ 3) SCBRMMLCA (เพื่อการเลี้ยงชีพ) ลงทุนเชิงรุกในหุ้นจีนทุกตลาด โดยใช้ Machine Learning ในการคัดสรรหุ้นและจับจังหวะ
สำหรับเงื่อนไขภายใต้โปรโมชั่นนี้กำหนดให้สิทธิเฉพาะลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงบัญชีที่เปิดร่วม โดยลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และ/หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ทุกกองทุนยกเว้นSCBFP-SSF, SCBSFFPLUS-SSF, SCBRM1 และ SCBRM2 โดยทำรายการซื้อระหว่างวันที่ 18 ต.ค. – 30 ธ.ค. 2564 และต้องถือครองหน่วยลงทุนที่ได้ลงทุนภายในช่วงเวลาส่งเสริมการขายจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2564 เท่านั้น