“ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น” เพิ่มทุน “เจที เทน” บริษัทย่อยตุนเงินก่อสร้างโรงแรมพัทยา พร้อมแจงปล่อยกู้บริษัทย่อย 4 แห่ง วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและเสริมสภาพคล่องของบริษัทย่อย
บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC) แจ้งว่า บริษัท เจที เทน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 84.98% ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 99 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2561 พื่อนำเงินไปชำระค่าเช่าที่ดิน เพื่อเตรียมการก่อสร้างโรงแรมที่พัทยา โดยใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนในกิจการในการเพิ่มทุนตามสัดส่วน ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทฯ ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่าดิม
สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทย่อย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เอส ซี อาร์ แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ ซึ่งบริษัทถือหุ้น 68% บริษัท ซี เอส เอ็ม แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 60% บริษัท พีที ทรี แลนด์ ซึ่งบริษัทถือหุ้น 69.99% และบริษัท เจที เทน ซึ่งบริษัทถือหุ้น 84.98% ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ส.ค.2561 โดยวงเงินให้กู้ยืมไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยทั้งบริษัทย่อยทั้ง 4 บริษัทใช้ร่วมกันภายในวงเงินนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทย่อย
แหล่งเงินทุนที่บริษัทฯ จะนำไปให้บริษัทย่อยมาจากกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท (กำไรสำหรับงวด) โดยไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น หรือการจ่ายปันผลของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตามงบการเงินรวม สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 398 ล้านบาทและเงินลงทุนชั่วคราว 1,383 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR-2.75% ต่อปี เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเสนอให้แก่บริษัทย่อย โดยระยะเวลากู้ยืม 1 ปี ชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เงินต้นสามารถชำระคืนบางส่วนหรือทั้งหมดได้ก่อนกำหนดชำระ
บริษัทฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทย่อยเพียงรายเดียว โดยบริษัทย่อยไม่ได้กู้จากผู้ถือหุ้นรายอื่นตามสัดส่วนการถือหุ้น เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินนี้เป็นการให้กู้ในระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ซึ่งแต่ละบริษัทย่อยมีหลายโครงการที่ยังไม่เปิดดำเนินการ อาจกู้เพียงเล็กน้อยเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการกู้เงินจากสถาบันอื่น หากในอนาคตมีความต้องการใช้เงินทุนมากขึ้น บริษัทย่อยก็อาจพิจารณาเพิ่มทุนหรือกู้ยืมตาสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่อไป
ส่วนบริษัทยังจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยเงินกู้เทียบเท่ากับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงเพียงพอที่จะให้ความให้ช่วยเหลือทางการเงินของบริษัทย่อยได้สม่ำเสมอ จึงถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทที่ลงทุนในบริษัทย่อยอีกด้วย